ร่องแก้ม

Table of Contents

ร่องแก้ม คืออะไรและทำไมถึงสำคัญ

ร่องแก้ม เป็นหนึ่งในปัญหาผิวหน้าที่หลายคนต้องเผชิญเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผิวของเราเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นและความเต่งตึง ซึ่งอาจทำให้หน้าตาดูแก่กว่าวัย เป็นสัญลักษณ์ของความแก่ที่ผู้หญิงทุกคนไม่อยากเจอ

ร่องแก้ม เกิดจากรอยหย่อนคล้อยของผิว เนื่องจากการลดลงของ คอลลาเจน และ อีลาสติน ในผิว ร่องแก้มมีลักษณะเป็นเส้นเฉียงบริเวณข้างแก้มเหนือปาก ยาวลงมาจนถึงบริเวณมุมปาก ซึ่งจริงๆแล้ว การมีร่องแก้ม ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะโครงสร้างใบหน้าของมนุษย์ ตรงบริเวณแนวแก้มจะมีพังผืดยึดผิวไว้กับกระดูก ทำให้มีร่องบริเวณนั้น ซึ่งถ้าเราไม่ได้แสดงอารมณ์ หรือไปกระตุ้นบริเวณนั้น ก็จะมองไม่เห็นร่องแก้ม หรือเห็นได้ไม่ชัด แต่ถ้าหากไม่ได้แสดงอารมณ์ หรืออยู่เฉยๆแล้วยังเห็นร่องแก้มลึก ก็แสดงว่ามีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นๆที่ไม่ใช่จากโครงสร้างใบหน้าของเรา การทราบถึงสาเหตุ และวิธีการจัดการกับ ปัญหาร่องแก้ม จะช่วยให้คุณสามารถดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม

สาเหตุของการเกิดร่องแก้ม


ร่องแก้มเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเกิด ริ้วรอย และความร่วงโรยของผิวหน้า ซึ่งมักปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเกิด ร่องแก้มลึก อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก สาเหตุหลักๆ เช่น

อายุและ การเสื่อมของผิว 

มื่ออายุมากขึ้น ผิวของเราจะสูญเสีย คอลลาเจน และ อีลาสติน จึงมีความหย่อนคล้อย ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองเหนือแก้ม และเกิดเป็นเส้นเฉียงบริเวณข้างแก้ม  


การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ


เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างกระดูกของใบหน้าอาจเสื่อมสภาพลง โดยเฉพาะในส่วนของกระดูกโหนกแก้ม และขากรรไกรที่เป็นฐานรองรับของผิวหนัง เมื่อมวลกระดูกลดลง ผิวหนังที่เคยยึดอยู่กับกระดูกก็จะหย่อนคล้อยลง ทำให้เกิดร่องแก้มที่ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการลดลงของมวลกล้ามเนื้อบนใบหน้า ซึ่งจะลดลงตามอายุ ผิวหนังที่เคยถูกยึดแน่นก็จะสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิด ร่องแก้มลึก

การยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา

การยุบตัวของกระดูกใต้ตา ซึ่งมักจะเกิดกับคนที่เข้าสู่วัย 30 ปี  เมื่อกระดูกตายุบลง ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองเหนือร่องแก้ม จนเกิดเป็นร่องลึก ทำให้ร่องแก้มดูชัดชึ้น

การสูญเสียไขมันในชั้นผิว


ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังทำหน้าที่เสมือนการเติมเต็มให้ผิวดูเต็มและอ่อนเยาว์ เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันใต้ผิวหนังจะลดลง ทำให้ใบหน้าดูแบนและเกิดร่องแก้มที่ชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ ไขมันบางส่วนที่อยู่บนใบหน้าอาจเคลื่อนที่ลงต่ำตามแรงโน้มถ่วง ทำให้ร่องแก้มที่เคยตื้นดูชัดเจนขึ้น


การแสดงอารมณ์และการเคลื่อนไหวของใบหน้า


การแสดงอารมณ์บ่อย ๆ เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบแก้มและปากทำงานบ่อย ทำให้เกิดร่องแก้มที่ชัดเจนขึ้นตามเวลา
นอกจากการแสดงอารมณ์แล้ว การเคลื่อนไหวของใบหน้าทุกวันก็สามารถทำให้ผิวบริเวณร่องแก้มเกิดการยืดและหดบ่อย ๆ ซึ่งจะทำให้ร่องแก้มลึกขึ้นตามเวลา

การสูบบุหรี่และพฤติกรรมการดำรงชีวิต

พฤติกรรมเช่นการสูบบุหรี่ส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำและเกิดร่องแก้ม


การถูกทำลายจากแสงแดดและปัจจัยภายนอก

รังสี UV จากแสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพและเกิดร่องแก้มได้เร็วขึ้น รังสี UV จะทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว เกิดอนุมูลอิสระใต้ผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยลึกได้ง่าย ร่องแก้มปรากฏชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้ มลภาวะและสารพิษในสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน และสารเคมีต่าง ๆ สามารถทำลายผิวและเร่งกระบวนการชราได้ เมื่อผิวได้รับความเสียหายจากมลภาวะเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดริ้วรอยและร่องแก้มที่ชัดเจนขึ้

พันธุกรรม

หากมีประวัติในครอบครัวที่มีร่องแก้มลึกหรือมีผิวที่เสื่อมสภาพเร็ว ก็อาจทำให้มีโอกาสเกิดร่องแก้มลึกได้ง่ายขึ้น เพราะลักษณะของผิวหนังและโครงสร้างใบหน้ามีส่วนสัมพันธ์กับพันธุกรรม

ร่องแก้ม

วิธีป้องกันปัญหาร่องแก้ม

การดูแลผิวประจำวัน

การใช้ครีมบำรุงหรือเซรั่ม ที่มีส่วนผสมของสาร  Anti Aging ที่มีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอยและเร่งการสร้างคอลลาเจน สามารถช่วยป้องกันการเกิดร่องแก้มได้ เพราะการทาครีมอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ริ้วรอยดูตื้นขึ้น และยังชลอการเกิดริ้วรอยใหม่ได้ด้วย แต่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการทาครีม

อาหารและการบริโภคที่ดีต่อผิว

อาหารที่มีวิตามินซีและอีสูงสามารถช่วยส่งเสริมการผลิตคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และลดการหย่อนคล้อยของผิว

การนอนหลับให้เพียงพอ

การนอนหลับที่เพียงพอและการดูแลสุขภาพโดยรวมมีผลต่อการรักษาผิวให้แข็งแรง

โยคะหน้า


การโยคะหน้า เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดร่องแก้ม (nasolabial folds) โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดหรือการใช้สารเติมเต็มต่าง ๆ การโยคะเพื่อช่วยลดร่องแก้มเน้นไปที่การเสริมสร้างกล้ามเนื้อใบหน้า เพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับของผิวหนังบริเวณรอบปากและแก้ม ซึ่งสามารถทำได้ด้วยท่าทางและการฝึกหายใจอย่างถูกต้อง

ท่าสำหรับโยคะลด ร่องแก้ม


ท่า “Cheek Lifter”
  1. นั่งในท่าที่สบาย ปิดปากและยิ้มกว้างที่สุดที่ทำได้โดยไม่เปิดปาก
  2. ใช้ปลายนิ้วมือกดเบา ๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง
  3. พยายามยกแก้มขึ้นพร้อมกับใช้กล้ามเนื้อใบหน้าในการยกขึ้น
  4. ค้างท่านี้ไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วปล่อยผ่อนคลาย

ประโยชน์: ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบแก้มและช่วยลดร่องแก้มให้ดูตื้นขึ้น


ท่า “Fish Face”
  1. ดูดแก้มทั้งสองข้างเข้าหากันจนปากเหมือนรูปปลาทอง
  2. ยิ้มในท่านี้และพยายามค้างไว้ 10 วินาที
  3. ผ่อนคลายและทำซ้ำอีก 10 ครั้ง

ประโยชน์: ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อใบหน้า ทำให้ผิวบริเวณแก้มกระชับขึ้น ลดการปรากฏของร่องแก้ม


ท่า “Blowing Raspberries”
  1. นั่งในท่าที่สบาย สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
  2. ปิดปากและทำเสียง “พรวด” โดยการเป่าลมออกผ่านริมฝีปาก
  3. ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้ง

ประโยชน์: การเป่าลมช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในบริเวณใบหน้า ทำให้ผิวกระชับและลดการเกิดร่องแก้ม


ท่า “The Marilyn”
  1. ทำปากจู๋คล้ายกับการเป่าจูบ
  2. ส่งลมเบา ๆ ไปที่ปลายลิ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่เปลี่ยนตำแหน่งริมฝีปาก
  3. ค้างไว้ 5 วินาที แล้วผ่อนคลาย ทำซ้ำ 10 ครั้ง

ประโยชน์: ช่วยสร้างความกระชับบริเวณริมฝีปากและแก้ม ลดการหย่อนคล้อยของผิวที่ทำให้เกิดร่องแก้ม


ท่า “Face Tapping”
  1. ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางค่อย ๆ ตบเบา ๆ ทั่วใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณรอบปากและแก้ม
  2. ทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2-3 นาที

ประโยชน์: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณร่องแก้มดูเรียบเนียนขึ้น

วิธีลดริ้วรอย ร่องแก้ม

ใช้ครีมและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเรตินอล กรดไฮยาลูรอนิค และเปปไทด์เป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการลดร่องแก้มและฟื้นฟูสภาพผิว โดยส่วนผสมเหล่านี้มีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้

 เรตินอล (Retinol)

เรตินอลเป็นหนึ่งในอนุพันธ์ของวิตามินเอที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการ กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึงและลดเลือนริ้วรอย ซึ่งร่องแก้มก็เป็นหนึ่งในริ้วรอยที่สามารถลดลงได้จากการใช้เรตินอลเป็นประจำ

กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid)

กรดไฮยาลูรอนิคเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในผิวของเราและมีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีมาก กรดไฮยาลูรอนิค จะช่วยเติมเต็มร่องแก้มที่เกิดจากการสูญเสียความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวดูเต่งตึงมากขึ้น

เปปไทด์ (Peptides)

เปปไทด์เป็นสายโปรตีนขนาดเล็กที่มีบทบาทสำคัญในการส่งสัญญาณให้ผิวผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น และลดเลือนร่องแก้มที่เกิดขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการแก้ไขปัญหาร่องแก้ม เพราะเป็นการฉีดสาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผิวของเราและมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและเต่งตึง เพื่อเติมเต็มส่วนที่หย่อนคล้อย โดยฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มร่องแก้มที่ลึกให้ตื้นขึ้น ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์

รักษาร่องแก้มด้วย Botox

เป็นการฉีดสาร Botulinum Toxin เข้าไปเพื่อลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆ ร่องแก้ม เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติ ร่องแก้มที่เคยลึกก็จะดูตื้นขึ้นและริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด

การฉีด Botox (โบท็อกซ์) เพื่อลดร่องแก้ม เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาร่องแก้มที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว โบท็อกซ์สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องแก้มและฟื้นฟูใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น

การใช้เทคโนโลยียกกระชับ 

นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและการฉีดฟิลเลอร์แล้ว การใช้เทคโนโลยียกกระชับที่ได้รับการยอมรับอย่าง Ulthera และ Thermage ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวและทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น

Ulthera 

Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบโฟกัส (Focused Ultrasound) เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวหนังลึก โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือทำลายผิวชั้นนอก เทคโนโลยีนี้ได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐอเมริกาในการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอยร่องแก้มอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานได้ถึง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการรักษา

Thermage 

Thermage เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ความร้อนจากคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency: RF) เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับผิวหน้าและลดเลือนร่องแก้ม โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้เข็ม หลังทำอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการรักษา

เปรียบเทียบโปรแกรมยกกระชับ

ร้อยไหม

การร้อยไหมเป็นหนึ่งในเทคนิคทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการยกกระชับผิวหน้าและลดร่องแก้ม โดยใช้เส้นไหมที่มีคุณสมบัติพิเศษในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มที่มักจะเป็นจุดแรกที่แสดงถึงความร่วงโรยของผิว

การฉีดไขมัน

เป็นการใช้ไขมันที่ได้จากร่างกายของตัวเองมาฉีดเติมเต็มในบริเวณร่องแก้มที่ลึกหรือมีปัญหาหย่อนคล้อย วิธีนี้มีความปลอดภัยสูงและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ แต่อาจต้องเจ็บตัว 2 รอบ คือ ตอนดูดไขมันจากร่างกาย และตอนฉีดไขมันเข้าไปเพื่อเติมร่องแก้ม

ข้อดีของการฉีดไขมัน ลดร่องแก้ม

  • ความปลอดภัยสูง: เนื่องจากใช้ไขมันจากร่างกายของตัวเอง ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อต้านจึงน้อยมาก
  • ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ: ไขมันที่ฉีดเข้าไปสามารถผสมผสานกับเนื้อเยื่อเดิมได้ดี ทำให้ร่องแก้มดูเต็มขึ้นและผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ปรับรูปหน้าได้: นอกจากการเติมเต็มร่องแก้มแล้ว ไขมันยังสามารถฉีดเข้าไปในบริเวณอื่นๆ ของใบหน้าเพื่อปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลและสวยงามยิ่งขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: ไขมันที่ฉีดเข้าไปสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณที่ฉีด ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น

ประโยชน์ของการ ลดร่องแก้ม

การลดร่องแก้ม ช่วยให้ผิวหน้าดู อ่อนเยาว์ และสดใสขึ้น

หลังจากการรักษา ร่องแก้มจะลดลง ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนกว่าวัย

ร่องแก้มตื้นขึ้น เพิ่มความมั่นใจในตนเอง

เมื่อผิวหน้าดูดีขึ้น ความมั่นใจในตนเองก็จะเพิ่มขึ้นตามมา

ปรับปรุงโครงสร้างผิว

การรักษาร่องแก้มยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างของผิวหน้า ให้แข็งแรง และ ยืดหยุ่นขึ้น

สรุปการดูแลและ รักษาร่องแก้ม

การดูแลร่องแก้มต้องใช้ทั้งเวลา และความพยายามในการป้องกันและรักษา ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้คุณสามารถรักษาผลลัพธ์ของผิวหน้าที่เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ได้ในระยะยาว

Similar Posts