5 ข้อควรรู้ ก่อนฉีด

ปัญหาใต้ตาคล้ำ ดูลึก โบ๋ หรือถุงใต้ตาเยอะเกินไป ทำให้ใบหน้าดูคล้ำ โทรม ไม่สดใส ซึ่งสาวๆแต่ละคน ก็จะหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ต่างๆกันไป เช่น อาจลงทุนกับครีมทาใต้ตาที่แพงๆ มีประสิทธิภาพ หรือบางคนตัดสินใจที่จะปรึกษาแพทย์ เพื่อฉีด   ฟิลเลอร์ใต้ตา 

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่าย เร็ว และค่อนข้างได้ผลดี แต่ก่อนจะตัดสินใจเลือกฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อควรรู้ที่เราน่าจะต้องเรียนรู้ก่อนตัดสินใจ

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร 

ก่อนจะตัดสินใจฉีด หรือ ไม่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เราควรรู้ก่อนว่า ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร และช่วยแก้ปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตา ได้อย่างไรบ้าง 

ฟิลเลอร์ใต้ตาคือการฉีดสาร Hyaluronic Acid เข้าไป เพื่อเติมเต็มโพรงหรือลดรอยคล้ำใต้ตา เพราะเมื่อคนเราอายุมากขึ้นกระดูกจะยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย หน้าดูโทรม อ่อนล้า เกิดเป็นร่องรอยใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยให้บริเวณรอบดวงตากลับมาสดใสขึ้น 

Hyaluronic Acid เป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว เป็นโมเลกุลของน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า polysaccharide มีอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย และร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติในชั้นหนังแท้

แต่ร่างกายเราจะผลิตสาร Hyaluronic Acid ได้น้อยและช้าลงเมื่ออายุมากขึ้น ยิ่งอายุมาก ก็จะยิ่งผลิตน้อยลงเรื่อย ๆ 

Hyaluronic Acid จะพบมากบริเวณลูกตา , ข้อต่อ และผิวหนัง  มีหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียน และยืดหยุ่น Hyaluronic Acid  ถือว่าเป็นสารที่ปลอดภัย เพราะเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกาย จะคงอยู่ประมาณ 6-12 เดือน แล้วก็จะสลายไปตามธรรมชาติ ไม่เหลือตกค้างในร่างกาย

2. ปัญหาแบบไหนที่ ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยได้ หรือ ช่วยไม่ได้

เหตุผลหลักที่เราต้องการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา คือการเติมเต็มโพรงใต้ตา ที่ทำให้ตาลึก ดูโบ๋ ลดปัญหาใต้ตาคล้ำ ริ้วรอย และถุงใต้ตา ซึ่งก่อนตัดสินใจฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องทราบก่อนว่า ปัญหาใต้ตาเหล่านั้นเกิดจากอะไรกันแน่ เช่น  ปัญหาที่เป็นโดยกำเนิด เช่นรอยคล้ำใต้ตาจากพันธุกรรม ฟิลเลอร์ไม่สามารถแก้ไขให้ได้ เป็นต้น

ปัญหาใต้ตาที่สามารถแก้ด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตา 

• ช่วยแก้ปัญหา ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา มีลักษณะเป็นรอยเหี่ยวย่นใต้ตา และรอบๆ ดวงตา ทำให้หน้าดูมีอายุ
• ช่วยแก้ปัญหา ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ เป็นวงคล้ำรอบดวงตาและจะเห็นชัดบริเวณใต้ตา ทำให้หน้าดูอ่อนล้า
• ช่วยแก้ปัญหา ถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย การมีถุงใต้ตาจะทำให้ปัญหาริ้วรอยและร่องใต้ตาเห็นชัดขึ้น
• ช่วยแก้ปัญหา เบ้าตาลึก ตาโหล เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา และการสลายตัวของเนื้อเยื่อ

3. ฟิลเลอร์ vs โบท็อกซ์

สำหรับปัญหาผิวที่เกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตา เราสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัญหา โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องลดริ้วรอยเหมือนกัน แต่ออกฤทธิ์คนละแบบ

ฟิลเลอร์ช่วยเติมร่อง ริ้วรอย ถุงใต้ตา รอยคล้ำใต้ตา ให้เต็ม กระจ่างใสขึ้น เพราะตัวยา  Hyaluronic Acid จะเข้าไปช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวอิ่มเต็มขึ้น ริ้วรอยจะเลือนหายไป ผิวดูกระจ่างใสขึ้น 

โบท็อกซ์ มีตัวยาเป็นสาร  โบทูลินัม ท็อกซิน ชนิดเอ (Botulinum Toxin A) ที่จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงชั่วคราว ผิวไม่เกิดการพับหรือรอยย่น ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ รอยย่นเล็ก ๆ ใต้ตา ให้จางลงได้ โดยโบท็อกซ์จะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ผิวหนังก็จะตึงขึ้น ไม่เกิดรอยพับ เหมาะกับริ้วรอยเล็ก ๆ รอยย่นเล็ก ๆ เช่น ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยหางตา หรือรอยตีนกา ให้ดูจางลงได้

การจะใช้ ฟิลเลอร์ หรือ โบท็อกซ์ ในการแก้ปัญหารอบดวงตานั้น แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และแนะนำ ก่อนตัดสินใจว่าจะใช้วิธ๊ไหน ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้ได้วิธีที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุด

4. ฟิลเลอร์ใต้ตา ปลอดภัยไหม

การฉีด ฟิลเลอร์ บริเวณรอบดวงตา ซึ่งเป็นบริเวณที่บอบบาง และมีเส้นเลือดอยู่เป็นจำนวนมาก มีความเป็นไปได้ที่จะมีอาการบวมช้ำ หลังฉีด มีรอยแดง ซึ่งอาการนี้จะเกิดขึ้นเป็นปกติ และจะหายไปเองในช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์ 

แต่ถ้าแพทย์ที่ฉีด ไม่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามากพอ และฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ก็อาจเกิด side effect ได้เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือใต้ตาดูลึก โบ๋ได้ ดังนั้นควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ให้เป็นก้อน

บริเวณใต้ตาเป็นบริเวณที่บอบบาง มีเส้นเลือดอยู่เยอะ หากฉีดแับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้ใช้ของแท้ อาจทำให้ ฟิลเลอร์เป็นก้อน ได้ เพราะแพทย์ที่ชำนาญจะมีเทคนิคการฉีดเฉพาะ โดยแพทย์จะใช้ฟิลเลอร์ 2 แบบในการฉีด 

คือฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม สำหรับเติมใต้ตาชั้นตื้น ช่วยเก็บรายละเอียด บริเวณร่องใต้ตา และริ้วรอยบริเวณใต้ตา ให้ดูเรียบ เนียนขึ้น ลดความหมองคล้ำบริเวณใต้ตา ช่วยให้ตาสว่าง กระจ่างใสขึ้น 

และฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็ง สำหรับเติมใต้ตาชั้นลึก เป็นการพยุงแนวเส้นเอ็นที่หย่อน และเสริมบริเวณกระดูกเบ้าตา และไขมันชั้นลึก ช่วยให้เบ้าตาที่ลึกดูตื้นขึ้น และถุงใต้ตากระชับขึ้น

จะเห็นได้ว่าเทคนิคการฉีดของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะบริเวณใต้ตา มีทั้งไขมัน กล้ามเนื้อชั้นตื้น กล้ามเนื้อชั้นลึก และเส้นเลือด ที่มีความหนา และบอบบางต่างกัน การเลือกใช้ฟิลเลอร์ ก็ควรเหมาะกับบริเวณนั้นๆ แพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ออกมาสวยงาม เป็นธรรมชาติ

5. การเตรียมตัว ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

• ปรึกษาแพทย์

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพราะแพทย์จะสามารถบอกได้ว่า ปัญหาที่เป็นเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หรือไม่ หรือควรแก้ปัญหาด้วยหัตถการอื่นๆ และแต่ละเคสก็มีแนวทางการรักษาไม่เหมือนกัน 

• งดยาบางชนิด

งดทานยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDs  เช่น Ibuprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดเพื่อป้องกันอาการฟกช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ แต่หากจำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้จริง ๆ ควรจะแจ้งแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาก่อนทาน

• งดทานวิตามิน

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรงดการรับประทานอาหารเสริม หรือวิตรมินที่มีส่วนผสมของ วิตามินอี น้ำมันปลา Evening Primrose Oil สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม และใบแปะก้วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์เนื่องจากสารเหล่านี้อาจจะทำให้เลือดไหลไม่หยุดหรือหยุดยากกว่าปกติ

• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 – 3 วัน ก่อนการฉีดเนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น

• ห้ามนวดหน้า ทรีตเมนต์ แว็กซ์ผิว

ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 3 วัน ควรงดกิจกรรมแว็กซ์ผิว ผลัดผิว หรือการดึงขนหรือโกนขนในบริเวณนั้น ๆ งดนวดหน้าและการทำเลเซอร์ต่าง ๆ เพื่อลดการระคายเคืองที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังฉีด

• งดออกกำลังกาย

โดยเฉพาะการอบซาวน่า การออกกำลังกายแบบ Cardio และการออกกำลังกายหนัก ๆ แบบหักโหม เพราะกิจกรรมการออกกำลังกายนี้จะทำให้เลือดสูบฉีด ควรงดอย่างน้อย 24 ชม.หากต้องการออกกำลังกายจริง ๆ ควรออกกำลังกายเบา ๆ 

• ร่างกายต้องแข็งแรง

คนที่เข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ควรจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง หากมีโรคประจำตัวร้ายแรงควรแจ้งแพทย์ทุกครั้ง และจะต้องไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่ค่ะ

• งดแต่งหน้า

ก่อนพบแพทย์ไม่ควรแต่งหน้า เพื่อป้องกันสารปนเปื้อนและป้องกันในเรื่องของความสะอาด 

 การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะไม่ใช่เรื่องอันตราย ถ้าเราเข้าใจ เรียนรู้ผลดี ผลเสีย และปฏิบัติตามสิ่งที่แพทย์บอกอย่างเคร่งครัด ก่อนฉีดศึกษาหาคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่มีประสบการณ์ ไม่ใช่หมอกระเป๋า อย่าเห็นแก่ของถูก เพราะจะได้ ไม่คุ้มเสีย ทางที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ และควรดูหลายๆที่เพื่อหาคลินิกที่น่าไว้ใจมากที่สุด