Skin Booster เคล็ดลับผิวฉ่ำโกลว์ที่หลายคนหลงรัก

Skin Booster
แชร์บทความ

Table of Contents

Skin Booster คืออะไร? เคล็ดลับผิวใสฉ่ำโกลว์จากภายใน

บทนำ

ในโลกที่ความมั่นใจเริ่มจากผิวพรรณที่สดใส หลายคนจึงมองหาวิธี ที่จะช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ หนึ่งในตัวเลือกที่มาแรงมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้คือ Skin Booster หัตถการที่ออกแบบมาเพื่อเติมน้ำ และสารอาหารลึกลงไปถึงชั้นผิว เพื่อให้ผิวดูฉ่ำโกลว์ ราวกับมีไฟส่องจากภายใน

แต่คำถามที่มักตามมาคือ… Skin Booster คืออะไร แตกต่างจากการทาครีม หรือการทำหัตถการอื่น ๆ อย่างไร? และมันเหมาะกับใครบ้าง?
บทความนี้ จะพาไปรู้จักกับหัตถการนี้ แบบละเอียดยิบ ทั้งวิธีทำ ประโยชน์ ผลลัพธ์ และการเปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ เพื่อให้ได้เห็นภาพชัด และเลือกสิ่งที่ใช่กับผิวตัวเองมากที่สุดค่ะ

Skin Booster คืออะไร?

คือการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ โดยมากเป็น Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีอยู่แล้วในร่างกาย และมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้อย่างมหาศาล จุดประสงค์ของการฉีด ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนรูปหน้าเหมือนฟิลเลอร์ แต่เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้น และปรับคุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้น

ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ

  • ผิวชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • ผิวฉ่ำโกลว์แบบ glass skin
  • ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง
  • ผิวเนียนละเอียด แต่งหน้าติดง่าย

👉 กล่าวง่าย ๆ คือ Skin Booster คือการ “รีเฟรชผิว” ให้สดใสอีกครั้ง เหมือนเปิดไฟให้ผิวมีชีวิตชีวาขึ้นค่ะ

ส่วนผสมหลัก

Hyaluronic Acid (HA)

สารหลักที่ถูกใช้ใน ทรีตเมนต์ฉีดบำรุงผิว แทบทุกชนิด ร่างกายของเรามี HA อยู่แล้วตามธรรมชาติ แต่จะลดลงตามอายุ เมื่อปริมาณน้อยลง ผิวจึงสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอย และดูแห้งกร้าน

คุณสมบัติเด่นของ HA คือสามารถอุ้มน้ำได้มากกว่าหลายร้อยเท่าของน้ำหนักตัวเอง ทำให้เมื่อถูกฉีดเข้าสู่ผิว จะช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มฉ่ำ และดูฟูขึ้นทันที

สารอื่น ๆ ที่เสริมในบางสูตร

  • Polynucleotide (PN): ช่วยฟื้นฟู และซ่อมแซมเซลล์ผิว
  • เปปไทด์/กรดอะมิโน: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • วิตามินต่าง ๆ: เพิ่มความสว่างใส และสุขภาพผิว

👉 ตรงนี้เองที่ทำให้ Skin Booster มียี่ห้อและสูตรหลากหลาย เช่น Rejuran, Restylane Vital, Juvederm Volite ซึ่งแต่ละสูตร จะเน้นคุณสมบัติแตกต่างกันค่ะ

ผิวเราเสื่อมลงอย่างไร และทำไม Skin Booster ช่วยได้

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น HA ธรรมชาติ และเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินลดลง ผิวจึงแห้งง่าย หมอง และรูขุมขนชัด ปัจจัยภายนอกอย่างแดด ฝุ่น ควัน รวมถึงไลฟ์สไตล์ (นอนดึก เครียด ดื่มน้ำน้อย) ยิ่งเร่งให้ผิวเสื่อมไว การส่งสารบำรุงลงชั้นหนังแท้ จะช่วยชดเชย และกระตุ้นในจุดที่ผิวต้องการที่สุด ทำให้พื้นผิวเรียบขึ้น ชุ่มขึ้น และสว่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

แหล่งอ้างอิง
• American Academy of Dermatology – Cosmetic injectables overview: injectables & skin quality (ข้อมูลเบื้องต้นเรื่องสารเติมเต็ม/ฉีดผิว) – aad.org
• บทความรีวิว HA ในผิวหนัง และความชุ่มชื้น: Hyaluronic acid in skin – PubMed: pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30430420

ทำไมผิวถึงต้องการ Skin Booster

ลองคิดง่ายๆ ว่าผิวของเราเหมือนฟองน้ำ เมื่อยังใหม่ และชุ่มน้ำ ฟองน้ำจะดูนุ่ม แน่น และเด้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฟองน้ำเริ่มแห้ง แข็ง และกรอบ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผิวเมื่อคอลลาเจน และความชุ่มชื้นลดลง

ปัจจัยที่ทำให้ผิวเสื่อมโทรมได้เร็วขึ้น ได้แก่:

  • แสงแดด และรังสี UV
  • มลภาวะ ฝุ่น ควัน
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ
  • การดื่มน้ำน้อย
  • ความเครียด
  • อายุที่เพิ่มขึ้น

แม้เราจะใช้สกินแคร์ หรือทาครีมบำรุงอย่างดี แต่สารเหล่านั้น ก็ซึมได้แค่ผิวชั้นนอก การฉีดสารบำรุงผิว จึงเป็นเหมือน “การเติมอาหารให้ผิวจากภายใน”

Skin Booster ทำงานอย่างไร?

  1. เติมความชุ่มชื้นลึก: HA จะดูดซับน้ำ และกักเก็บไว้ ทำให้ผิวอิ่มฟู
  2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: สารบางชนิด เช่น PDRN หรือ Collagen Stimulator จะส่งสัญญาณให้ผิวสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่
  3. ซ่อมแซมเซลล์ผิว: ช่วยฟื้นฟูผิว ที่ถูกทำลายจากแสงแดด หรือมลภาวะ
  4. ปรับสมดุลผิว: วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ และทำให้ผิวแข็งแรง

ประโยชน์ของ Skin Booster

การฉีด ทรีตเมนต์บำรุงผิว ไม่ได้เปลี่ยนโครงหน้า หรือทำให้คนรอบตัวสังเกตว่าเรา “ไปทำอะไรมา” แต่จะทำให้พวกเขาสงสัยว่า “ทำไมช่วงนี้ดูดีขึ้น?”

  • เติมน้ำให้ผิวลึกกว่าเดิม → ผิวอิ่มฟู ดูชุ่มชื้น
  • เพิ่มความโกลว์ → ผิวสะท้อนแสงได้ดีขึ้น ดูใสแบบ glass skin
  • ลดริ้วรอยเล็ก ๆ → โดยเฉพาะ fine lines ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ
  • รูขุมขนกระชับขึ้น → ผิวเรียบเนียน แต่งหน้าติดง่าย
  • ภาพรวมดูสดใสขึ้น → สุขภาพผิวดีขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ

👉 Outbound link: อ่านงานวิจัยเกี่ยวกับ HA และสุขภาพผิว

ผลลัพธ์ที่ได้

  • ฉ่ำ อิ่มน้ำ ดูโกลว์ แบบ glass-skin แต่ยังเป็นผิวคุณ
  • ริ้วรอยตื้นๆ ดีขึ้น และพื้นผิว (texture) ดูเรียบเนียน
  • รูขุมขนกระชับขึ้น โดยเฉพาะแก้มและข้างจมูก
  • เมคอัพติดง่าย ใช้น้อยลงแต่สวยนานขึ้น
  • ผิวแข็งแรงขึ้น อักเสบน้อยลง ทนแดดมลภาวะได้ดีขึ้น (เมื่อดูแลต่อเนื่อง)

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่อยากได้ผิวโกลว์ใสแบบธรรมชาติ ไม่ต้องการเปลี่ยนโครงหน้า
  • คนที่ผิวแห้ง หมองคล้ำ แต่งหน้าไม่ติด
  • ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ อายุ 25 ปีขึ้นไป
  • คนทำงานหนัก นอนน้อย ต้องการฟื้นฟูผิวเร่งด่วน

Skin Booster ต่างจาก Mesotherapy อย่างไร?

คำว่า Mesotherapy อาจทำให้หลายคนสับสน เพราะก็เป็นการฉีดบำรุงผิวเหมือนกัน แต่ความจริงมีความแตกต่างที่ควรเข้าใจค่ะ

จุดที่เหมือนกัน

  • ใช้เทคนิค micro-injection ฉีดสารบำรุงเข้าสู่ผิว
  • จุดประสงค์คือ ฟื้นฟูคุณภาพผิว ให้ดูสดใสกว่าการทาครีม
  • ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่มี downtime ยาว

จุดที่ต่างกัน

  1. ส่วนผสม
    • Mesotherapy → เป็น “cocktail” ของวิตามิน กรดอะมิโน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ
    • ฉีดทรีตเมนต์บำรุงผิว → เน้น Hyaluronic Acid เป็นหลัก บางสูตรเสริม PN หรือเปปไทด์
  2. ผลลัพธ์
    • Mesotherapy → ผิวดูใส สุขภาพดีทั่ว ๆ ไป
    • ฉีดทรีตเมนต์บำรุงผิว → เน้นผิวฉ่ำวาว อิ่มน้ำ ลดริ้วรอยเล็ก ๆ อย่างเห็นได้ชัด
  3. การประยุกต์ใช้
    • Mesotherapy → มีทั้งด้านผิว และด้านอื่น เช่น เมโสแฟต (ฉีดสลายไขมันเฉพาะจุด)
    • ฉีดทรีตเมนต์บำรุงผิว → โฟกัสการปรับคุณภาพผิวเท่านั้น

👉 สรุป: ถ้าอยากให้ผิวสดใสสุขภาพดีทั่ว ๆ ไป Mesotherapy อาจตอบโจทย์ แต่ถ้าอยากให้ผิวฉ่ำโกลว์แบบ glass skin และเน้นความชุ่มชื้น การฉีดทรีตเมนต์บำรุงผิว คือคำตอบที่ชัดเจนกว่า หมาะและตรงโจทย์มากกว่า

ข้อควรระวัง/ข้อห้าม

  • ตั้งครรภ์/ให้นมบุตร (หลีกเลี่ยง)
  • ติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีด แผลเปิด เริมกำเริบ
  • ประวัติแพ้ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์
  • โรคภูมิคุ้มกันบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด
  • หลังทำเลเซอร์ ablative ใหม่ๆ ควรรอให้ผิวฟื้นก่อน

ชนิด/สูตร Skin Booster

  1. HA Skin Booster (non-crosslinked/stabilized HA) – ตัวเอกของความฉ่ำ และอิ่มฟู
  2. PDRN/PN-based – เน้นรีแพร์ ลดการอักเสบ ปรับเท็กซ์เจอร์/รอยสิว
  3. Bioremodeling/Collagen Stimulator – รีโมเดลคอลลาเจน เสริมเฟิร์มเนส
  4. Vitamin/Antioxidant/Peptide blends – รองพื้นฐานสุขภาพผิว

อ้างอิงเพิ่มเติม : งานวิจัย PDRN ต่อการฟื้นแผล/ซ่อมผิว: pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/25790250

ขั้นตอน และเทคนิคการทำ (Patient Journey)

ก่อนทำ

  • แจ้งโรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ อาการแพ้
  • งดแอลกอฮอล์ก่อนทำ 24 ชม. ลดโอกาสช้ำ
  • เลี่ยงยาละลายลิ่มเลือด/สมุนไพรบางชนิด (เช่น ginkgo) ตามแพทย์เห็นสมควร
  • ทำความสะอาดผิว ทายาชา 20–40 นาที

ระหว่างทำ

  • แพทย์ฉีดแบบ microdroplet/meso-papule ความลึก ~1–2 มม. กระจายจุด
  • บริเวณยอดฮิต: แก้ม หน้าผาก คาง ใต้ตา (ต้องใช้เทคนิคสูง), คอ, หลังมือ
  • อาจใช้ Cannula ลดช้ำในบางเคส/บริเวณ

หลังทำทันที–7 วัน

  • วัน 0–2: มีตุ่มเม็ดข้าว/รอยแดงเล็กน้อย → ยุบใน 24–72 ชม.
  • วัน 3–7: เริ่มสังเกตผิว “ชุ่ม นุ่ม เด้ง” แต่งหน้าเรียบขึ้น
  • สัปดาห์ 2–4: ผิวโกลว์ขึ้นอย่างชัดเจน

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

  • หลังครั้งแรก: เห็นผลใน 3–7 วัน
  • ถ้าทำเป็นคอร์ส 3–4 ครั้ง ห่างกัน 3–4 สัปดาห์ → ผลลัพธ์ชัดเจน และอยู่ได้ 6–12 เดือน

Aftercare: ทำอย่างไรให้ “ฉ่ำ นาน ชัด”

  • 24 ชม. แรก: งดแต่งหน้า/ซาวน่า/ออกกำลังกายหนัก
  • 48 ชม.: ประคบเย็นเบาๆ จุดช้ำ ทาครีมบำรุงอ่อนโยน
  • ดื่มน้ำให้พอเพียง (HA รักน้ำ!)
  • กันแดดสม่ำเสมอ SPF 50+ PA++++
  • เลี่ยงสครับ/กรดผลไม้แรง 3–5 วัน
  • ทำทรีตเมนต์เติมน้ำ/กู้บาเรียได้ (ตามแพทย์แนะนำ)

ผลข้างเคียงที่อาจพบ & สัญญาณที่ควรรีบปรึกษาแพทย์

  • ทั่วไป: รอยแดง ช้ำ คันเล็กน้อย ตุ่ม papule → หายเอง
  • พบได้น้อย: ก้อนเล็ก คลำได้/นูน → ส่วนมากยุบเอง หรือแพทย์นวด/ประเมิน
  • พบได้น้อยมาก: อุดตันหลอดเลือด/ผื่นแพ้รุนแรง → ต้องพบแพทย์ทันที
  • HA มีเอนไซม์ Hyaluronidase เป็นตัวแก้ได้ในบางภาวะ (ต้องอยู่ในมือแพทย์)

ราคา Skin Booster

  • ราคาเริ่มต้น 8,000–20,000 บาท/ครั้ง ขึ้นกับยี่ห้อและปริมาณ
  • แพ็กเกจคอร์สช่วยประหยัดและเห็นผลชัดกว่า
  • เลือกคลินิกที่แพทย์จริง ใช้ยาของแท้เท่านั้น

เปรียบเทียบกับหัตถการอื่น (เลือกให้เหมาะกับเป้าหมาย)

เปรียบเทียบกับต่างจากทรีตเมนต์ฉีดบำรุงผิว (Skin Booster)เมื่อเหมาะ/กรณีใช้งานผสานร่วมกัน?
Fillerเน้น “เติมเต็ม/ปรับรูปหน้า” และแก้ร่องลึก จุดเฉพาะจุด ไม่ได้ยกระดับ คุณภาพผิว ทั้งพื้นผิวต้องการยกมุมปาก เติมแก้ม ขมับ คาง ใต้ตา หรือร่องลึกเฉพาะจุด✅ ทำร่วมกันได้ดี: ใช้ฟิลเลอร์แก้โครง/ร่อง + โปรแกรมบูสต์ผิวเพื่อความฉ่ำและเท็กซ์เจอร์
Botoxลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ (dynamic lines) ไม่ได้เพิ่มความชุ่มลึกทั้งผิวหน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตา กัดฟัน กรามใหญ่ ฯลฯ✅ ทำร่วมได้: โบท็อกซ์ลดริ้วรอย + โปรแกรมบูสต์ผิวปรับพื้นผิวให้โกลว์
Biostimulator (เช่น Sculptra)กระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว ให้เฟิร์มเนส/วอลลุ่มโดยรวม ผลค่อยเป็นค่อยไปต้องการสร้างคอลลาเจนทั้งหน้า ให้โครงผิวแน่นขึ้นในระยะกลาง–ยาว✅ ผสานดีมาก: ไบโอสติมูเลเตอร์สร้างฐานผิวระยะยาว + โปรแกรมบูสต์ผิวให้ “ฉ่ำไว”
Energy-based (เช่น Ulthera, Thermage FLX, Morpheus8)เครื่องมือยกกระชับ/รีเฟิร์มโครงสร้าง ลดความหย่อนคล้อย ไม่ได้ “เติมน้ำลึก” ให้ผิวผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าหลวม หนังตาตก รูขุมขนจากความหย่อน ฯลฯ✅ ซินเนอร์จี้สูง: เครื่องมือรีเฟิร์มโครงสร้าง + โปรแกรมบูสต์ผิวเติมน้ำ/เพิ่มโกลว์

เลือกคลินิก/แพทย์อย่างไรให้ปลอดภัย และคุ้มค่า

  • แพทย์มีใบประกอบ และเชี่ยวชาญด้านผิวหนัง/เวชศาสตร์ความงาม
  • ใช้ผลิตภัณฑ์มี อย./สติกเกอร์ภาษาไทย/ล็อตผลิตชัดเจน
  • เปิดตัวยาต่อหน้า/แจ้งปริมาณ/แสดงกล่องได้
  • ห้องทำหัตถการสะอาด การปลอดเชื้อได้มาตรฐาน
  • มี แผนเผชิญเหตุ (เช่น ชุดยา/เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส) พร้อม
  • มีการติดตามผล นัดทบทวน/รีวิวผิวหลังทำ

ความเข้าใจผิดยอดฮิต (Myths vs Facts)

  • Myth: ทรีตเมนต์ฉีดบำรุงผิว = ฟิลเลอร์ทั้งหน้า
    Fact: ทรีตเมนต์ฉีดบำรุงผิว เน้น “คุณภาพผิว” ไม่ใช่ปรับรูปหน้า
  • Myth: ฉีดแล้วจะบวมนาน
    Fact: ส่วนใหญ่ยุบใน 24–72 ชม. และแต่งหน้าวันถัดไปได้
  • Myth: ทำครั้งเดียวพอ
    Fact: ควรมีโปรโตคอล 2–3 ครั้ง + เมนเทนทุก 3–6 เดือน
  • Myth: ผิวมันไม่ควรฉีด
    Fact: ผิวมันก็ “ขาดน้ำได้” — Booster ช่วยบาลานซ์ได้ดี

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ใช้เวลาทำนานไหม?

A: โดยทั่วไป 30–60 นาที รวมทายาชา

Q: เจ็บไหม?

A: รู้สึกจิ้มๆ/ตึงๆ เล็กน้อยจากยาชาและเทคนิคแพทย์ช่วยได้มาก

Q: กี่วันเห็นผล?

A: บางคนเห็นความฉ่ำใน 3–7 วัน เต็มที่ราวสัปดาห์ 2–4

Q: อยู่ได้นานเท่าไร?

A: เฉลี่ย 3–6 เดือน ขึ้นกับสูตร/ไลฟ์สไตล์/การดูแล

Q: แต่งหน้าเมื่อไรได้?

A: โดยมากวันถัดไป (ตามคำแนะนำแพทย์)

Q: ใต้ตาทำได้ไหม?

A: ได้ในบางสูตร/เทคนิค ต้องประเมินรายบุคคล

Q: ฉีดพร้อมโบท็อกซ์/ฟิลเลอร์ได้ไหม?

A: ทำได้แต่ต้องจัดลำดับและเว้นช่วงให้เหมาะ

Q: มีโอกาสแพ้ไหม?

A: ต่ำ แต่ควรทำในคลินิกที่พร้อมรับเหตุฉุกเฉินเสมอ

สรุปท้ายบทความ (Conclusion)

Skin Booster เป็น “การดูแลเนื้อผิว” ที่ทำให้ความสวยดูเป็นธรรมชาติ — ชุ่มฉ่ำจากข้างใน นุ่ม เด้ง ละมุนตา และแต่งหน้าน้อยลงได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงหน้า จุดสำคัญคือ การประเมิน และออกแบบแผนเฉพาะบุคคลโดยแพทย์: เลือกสูตร เหมาะกับสภาพผิว ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณ วางโปรโตคอลให้ครบทั้งช่วงเริ่มต้น และเมนเทน พร้อมวินัยเรื่องกันแดด และการนอน การกินและการจัดการความเครียด เมื่อโครงสร้างผิวได้รับการชุบชีวิตอย่างถูกที่ถูกเวลา — ความโกลว์ที่ “มาจากผิวจริงๆ” จะอยู่กับคุณได้นาน และยั่งยืนกว่า

Similar Posts