วิวัฒนาการด้านความสวย ความงาม มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้ง เพราะความสวยงาม ไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลอีกต่อไป แต่กลายเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ ที่เมื่อคนเห็นใบหน้าสวยๆ ใสๆ ไม่มีริ้วรอย แล้วมีความสบายใจ สามารถเข้าสังคมได้อย่างมั่นใจ เทคโนโลยีด้านความงามจึงเกิดมาเพื่อทำให้ทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายได้ปรับจุดด้อย เติมจุดเด่นให้กับตัวเอง
การฉีดโบท็อก ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีความงามที่ช่วยลดจุดบกพร่องของใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จึงเป็นหัตถการที่มีคนนิยมกันอย่างแพร่หลาย
โบท็อก เป็นหัตถการที่ช่วยเรื่องความงามได้หลากหลาย ทั้งลดกราม ลดริ้วรอย ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดกล้ามเนื้อบริเวณน่อง
ฉีดครั้งหนึ่งก็อยู่ได้หลายเดือน แต่ก็เหมือนทุกสิ่งในโลก ที่ความพอดีคือสิ่งสำคัญ เมื่อการฉีดโบท็อก ทำได้ไม่ยาก มีทั้งคลินิกที่นำเข้าโบท็อกอย่างถูกต้อง ใช้ของแท้ และก็มีคนที่ลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ผ่าน อย. แล้วไปฉีดให้ในราคาถูก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นโบท็อกที่มีคุณภาพหรือไม่
การฉีดโบท็อกที่มากเกินไป หรือฉีดโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน นำมาซึ่งอาการที่เรียกกันว่า “ภาวะดื้อโบท็อก”
ดื้อโบท็อก คือภาวะที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อโบท็อก ทำให้การรักษาไม่เห็นผลตามที่คาดหวัง เนื่องจากโปรแกรม
โบท็อก ถูกนำมาใช้เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า และลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม การที่ร่างกายดื้อโบท็อก ทำให้ตัวยาไม่สามารถออกฤทธิ์ต่อร่างกายได้ ริ้วรอยจึงไม่หายไป กรามไม่ลด หน้าไม่เรียวตามที่คาดหวังไว้
รู้ได้อย่างไร ว่าร่างกายเกิดอาการ ดื้อโบท็อก
อาการ ดื้อโบท็อก สังเกตได้จาก เคยเติมโบท็อกในปริมาณเท่าเดิม แต่ได้ผลลัพธ์ไม่เท่าเดิม
ทำให้ต้องใช้ปริมาณโบท็อกมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง
ที่รุนแรงที่สุดคือ แม้จะเพิ่มปริมาณมากขึ้น ก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง หรือไม่เกิดผลลัพธ์หลังการรักษา
สาเหตุของอาการ ดื้อโบท็อก
- ใช้โบท็อกปลอม ไม่มีคุณภาพ เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย เพราะปัจจุบันยังมีการแอบลักลอบหิ้วโบท็อกจากต่างประเทศเข้ามา โดยไม่ผ่าน อย. ไม่มีการควบคุมตัวยา ไม่รู้วิธีการเก็บรักษาตัวยา ทำให้ตัวยาเสื่อมสภาพ เพราะตัวยาโบท็อก ต้องเก็บอยู่ในอุณหภูมิไม่เกิน 2-8° C ถ้าเย็นเกินไป ตัวยาจะเสีย แต่ถ้าร้อนเกินไป ตัวยาจะเสื่อมคุณภาพได้
เมื่อเอาตัวยาที่เสื่อมสภาพหรือเสีย มาฉีดเข้าไปในร่างกาย ร่างกายจะคิดว่าเป็นสารแปลกปลอม จึงเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน
ออกมา และปฏิเสธตัวยา ทำให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไป ได้ผลน้อยลง หรือไม่เห็นผลเลย
- ฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป การที่ร่างกายได้รับโบท็อกบ่อยเกินไป จะทำให้ร่างกายตอบสนองด้วยการสร้าง Antibody ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด การฉีดโบท็อก ก็จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
- ฉีดโบท็อกมากเกินไป ก็จะทำให้กลายเป็นสารตกค้างในร่างกาย และร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันออกมาต่อต้าน ทำให้เกิดอาการดื้อยาในที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้ว ปริมาณโบท็อกที่จะฉีดเข้าร่างกายต่อครั้ง ไม่ควรเกิน 300 ยูนิต
วิธีป้องกันภาวะดื้อโบท็อก
อาการดื้อโบท็อก สามารถแก้ไขได้
- โดยการทิ้งระยะห่างในการฉีด เพื่อรอให้ภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นลดลง หรือหมดไปเอง ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 3 เดือน
- บางท่านมีอาการดื้อโบท็อก แต่ไม่รู้ตัว คิดว่าฉีดโบท็อกที่คลินิกนี้ไม่ได้ผล ก็จะเปลี่ยนที่ฉีดไปเรื่อยๆ เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนยี่ห้อโบท็อก หรือฉีดในปริมาณมากขึ้น ซึ่งยิ่งเพิ่มปริมาณที่ฉีด ก็ยิ่งมีอาการดื้อมากขึ้น ดังนั้น ถ้ารู้สึกว่าการฉีดโบท็อก ไม่ได้ผลเท่าที่เคย ควรหยุดฉีดไปซักพักก่อน
- ไม่ฉีดในปริมาณมากเกินไป ในแต่ละบริเวณของใบหน้า จะมีปริมาณ Unit ที่เหมาะสมอยู่ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา
- อย่าเห็นแก่ของถูก โบท็อกราคาถูกมากเกินไป เป็นโบท็อกที่คุณภาพต่ำ เพราะผลิตภัณฑ์คุณภาพดีจะใช้เทคโนโลยีและต้นทุนการผลิตสูง ดังนั้นควรเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐานซึ่งจะใช้ของแท้ที่ผ่าน อย. ในราคาที่สมเหตุสมผล
ดังนั้นถ้ารู้สึกว่าฉีดโบท็อกแล้วไม่ได้ผลเหมือนที่เคย ให้หยุดฉีดโบท็อกไว้ก่อน และลองปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูว่าร่างกายของเรามีอาการดื้อโบท็อกหรือไม่ ถ้ามีอารดื้อโบท็อก ควรหยุดฉีด รอจนภูมิคุ้มกันในร่างกายหมดฤทธิ์ ก็สามารถกลับมาฉีดได้อีก ซึ่งอาจต้องหยุดฉีดไปเป็นปี แต่บางคนอาจต้องหยุดฉีดถาวรไปเลย ไม่สามารถกลับมาฉีดได้อีก
ถ้ารักจะสวยด้วยโบท็อกต่อไปนานๆ ให้ระมัดระวัง ในการฉีดให้มากขึ้น ให้เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้โบท็อกของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน ว่าเราควรฉีดในปริมาณมากน้อยแค่ไหน และควรเว้นระยะการฉีด อย่าฉีดบ่อยเกินไป แค่นี้ โบท็อก ก็จะทำให้เราสวยปัง ไม่โป๊ะ แน่นอนค่ะ