Golden Ratio

สัดส่วนทองคำ ของใบหน้าคืออะไร?

ทฤษฎี Golden Ratio หรือ “สัดส่วนทองคำ”เป็นทฤษฎีที่มักจะถูกนำมาใช้จัดอันดับความสวยงามของใบหน้า คนที่มีสัดส่วนใบหน้าใกล้เคียงกับสัดส่วนทองคำ จะถือว่าเป็นคนที่สวย น่าดึงดูด สัดส่วนทองคำจึงเป็นสัดส่วนใบหน้าในฝันของสาวๆที่ไฝ่ฝันความสมบูรณ์แบบของใบหน้ากันเลยทีเดียว

สัดส่วนทองคำ (Phi = 1.618) เป็นสัดส่วนที่ถือว่าเป็นมาตรฐานความงามตามธรรมชาติที่ถูกค้นพบมานานหลายศตวรรษ  คิดค้นโดย เลโอนาโด ฟีโบนัชชี นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี ที่คิดค้นทฤษฎีนี้มาเพื่อใช้วัดความสวยงามของสิ่งต่างๆ บนโลก สัดส่วนทองคำจะอยู่ที่ 1 : 1.618 โดยตัวเลขนี้มาจากคณิตศาสตร์และใช้บ่งบอกถึงสัดส่วนที่คนเรามองว่าสวยงาม มีหลายรูปแบบทั้งเส้นตรง สี่เหลี่ยม และสามเหลี่ยม สามารถปรากฏให้เห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทั้งในธรรมชาติอย่างดอกไม้ สัตว์ งานศิลปะ สถาปัตยกรรม รวมถึงใบหน้ามนุษย์ก็สามารถวัดความสวยของใบหน้าผ่านสัดส่วนทองคำได้อีกด้วย หลายคนเชื่อว่าใบหน้าที่มีสัดส่วนใกล้เคียงกับ สัดส่วนทองคำ จะดูสวยงามและสมดุลมากที่สุด

สัดส่วนทองคำ กับความงามของใบหน้า

สัดส่วนทองคำ มีบทบาทสำคัญในการวัดความสวยงามของใบหน้า ว่าถูกจัดวางได้อย่างสมดุลและมีความสมมาตรหรือไม่ โดยหลักการของ สัดส่วนทองคำ ในใบหน้ามนุษย์สามารถสรุปได้ดังนี้

สัดส่วนของความยาวใบหน้า

โครงสร้างของใบหน้า จะแบ่งออกเป็นแนวตั้ง และ แนวยาว โดยความยาวของใบหน้า จะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ได้แก่

ส่วนแรก : จากเส้นขอบผมถึงคิ้ว
วัดความยาวจากขอบของเส้นผม (Hairline) ไปจนถึงเส้นคิ้ว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนบนของใบหน้า ความยาวของส่วนนี้ควรจะเป็น 1 ใน 3 ของความยาวทั้งหมดของใบหน้า

ส่วนที่สอง : จากคิ้วถึงปลายจมูก
วัดความยาวจากเส้นคิ้วไปถึงปลายจมูก (Tip of Nose) ส่วนนี้ควรมีความยาวเท่ากับส่วนแรก และควรเป็น 1 ใน 3 ของความยาวใบหน้า

ส่วนที่สาม : จากปลายจมูกถึงปลายคาง
วัดความยาวจากปลายจมูกลงมาถึงปลายคาง (Chin) ซึ่งควรเท่ากับสองส่วนแรก หากความยาวทั้ง 3 ส่วนนี้มีความสมดุล จะช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลและมีความสวยงามตามสัดส่วนทองคำ

สัดส่วนความกว้างของใบหน้า

วัดจากส่วนกว้างที่สุดของใบหน้า คือจากขอบแก้มซ้ายไปถึงขอบแก้มขวา หรือบริเวณที่กระดูกโหนกแก้มสูงที่สุด หากความกว้างของใบหน้าแบ่งเป็น 5 ส่วน ความกว้างของดวงตาควรเท่ากับความกว้างของช่องว่างระหว่างดวงตา

ระยะห่างระหว่างดวงตาและจมูก

ตำแหน่งของดวงตาและจมูกเป็นจุดสำคัญในการกำหนดความสมดุลของใบหน้า ระยะห่างระหว่างดวงตาควรเท่ากับความยาวของดวงตาแต่ละข้าง การวางตำแหน่งที่เหมาะสมจะช่วยให้ใบหน้าดูมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น

ริมฝีปาก และ คาง

ริมฝีปากบนและล่างควรมีความสมดุลและได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับใบหน้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมชาติ การใช้หัตถการเช่นฟิลเลอร์ในการเติมริมฝีปากสามารถช่วยสร้างสัดส่วนที่ดีขึ้นได้

วิธีวัดสัดส่วนความกว้างของใบหน้า

วัดจากส่วนกว้างที่สุดของใบหน้า คือจากขอบแก้มซ้ายไปถึงขอบแก้มขวา หรือบริเวณที่กระดูกโหนกแก้มสูงที่สุด โดยสัดส่วนทองคำของใบหน้าในแนวตั้ง จะแบ่งความกว้างของใบหน้าเป็น 5 ส่วนเท่าๆกัน ซึ่งทุกส่วนจะมีอัตราส่วน  1:1 โดยวัดจาก

ระยะของไรผมของขมับด้านซ้าย จนถึงหางตาข้างซ้าย 

จากหางตาข้างซ้ายจนถึงหัวตาข้างซ้าย 

หัวตาข้างซ้ายจนถึงหัวตาข้างขวา 

หัวตาข้างขวาจนถึงหางตาข้างขวา 

หางตาข้างขวาจนถึงไรผมขมับข้างขวา

ทั้ง 5  ส่วนจะต้องมีขนาดเท่ากัน  ซึ่งบางคนมีโครงหน้าชัด โหนกแก้มสูง มีใบหน้ากว้างเกินไป หรือมีปัญหาแก้มตอบ ซึ่งเมื่อวัดออกมาแล้วจะไม่ได้สัดส่วน 1:1:1:1:1 ของสัดส่วนทองคำ

การวัดสัดส่วนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เข้าใจโครงสร้างใบหน้าแต่ละคน แต่ยังเป็นแนวทางที่แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญใช้ในการวางแผนหัตถการ เช่น การฉีดฟิลเลอร์หรือ โบท็อกซ์เพื่อปรับให้ใบหน้าดูได้สัดส่วนที่สวยงามมากยิ่งขึ้นค่ะ

ความสัมพันธ์ระหว่างความกว้างกับความยาวของใบหน้า

เพื่อให้ได้ใบหน้าที่สมดุล ความกว้างของใบหน้าควรมีสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของความยาวทั้งหมดของใบหน้า หรือใช้สัดส่วนทองคำ (1:1.618) โดยการคำนวณสามารถทำได้โดยการวัดความยาวจากขอบหน้าผากถึงปลายคาง จากนั้นนำความกว้างของใบหน้ามาหารด้วยความยาว หากใกล้เคียงกับ 0.618 แสดงว่าใบหน้ามีความสมดุลตามหลักสัดส่วนทองคำ

6 หัตถการที่ช่วยปรับใบหน้าให้ได้สัดส่วน Golden Ratio

ปัจจุบันมีหัตถการเสริมความงามสมัยใหม่ ทั้งที่เน้นเรื่องการยกกระชับ เพื่อให้หน้าที่กว้างเกินไป กระชับแคบลงตามสัดส่วนทองคำได้ หรือจะเป็นหัตถการฉีดที่ช่วยเพิ่ม volume ให้หน้าสมสัดส่วนมากขึ้น หัตถการเหล่านี้สามารถช่วยปรับสัดส่วนของใบหน้าให้ใกล้เคียงกับสัดส่วนทองคำ ได้มากขึ้น เช่น

โบท็อกซ์ (Botox

โบท็อกซ์เป็นสารโปรตีน ที่สกัดจากแบคทีเรีย มีคุณสมบัติในการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณกราม โบท็อกซ์จะช่วยลดขนาดกรามให้ดูเรียวขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีกรามใหญ่และใบหน้ากว้างเกินไป การฉีดโบท็อกซ์จะทำให้ใบหน้าดูเรียวและสมดุลมากขึ้น นอกจากนี้โบท็อกซ์ยังสามารถลดริ้วรอย เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และยกกระชับขึ้น ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏหลังการฉีดประมาณ 2-3 สัปดาห์ และอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน

ฟิลเลอร์ (Filler)

ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีด เพื่อเพิ่มปริมาตรของใบหน้าในบริเวณที่ต้องการ เช่น แก้ม ริมฝีปาก จมูก หรือคาง เพื่อปรับให้สัดส่วนของใบหน้าใกล้เคียงกับ Golden Ratio สารในฟิลเลอร์ชนิดที่นิยมใช้มากที่สุดคือสารไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถเติมเต็มและให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ การใช้ฟิลเลอร์ช่วยในการปรับสัดส่วนใบหน้าโดยตรง เช่น การเติมคางให้ยาวขึ้นหรือเติมแก้มที่ตอบให้ดูเต็มขึ้น เพื่อให้ใบหน้าดูสมดุล

Ulthera

Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูง ที่ส่งผ่านชั้นผิวหนังลึกไปถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวที่ยึดกล้ามเนื้อ การยกกระชับผิวด้วย Ulthera ช่วยปรับให้ใบหน้าดูยกขึ้นและเรียวขึ้นตามแนวดิ่ง ซึ่งจะช่วยสร้างใบหน้าที่มีสัดส่วนสมดุลมากขึ้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี และเป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด

Thermage

Thermage เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ (RF) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวหนังชั้นหนังแท้ ( DERMIS ) การทำ Thermage ช่วยให้ผิวหนังยกกระชับ ทำให้ใบหน้าดูได้สัดส่วนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่หย่อนคล้อย เช่น แก้ม หน้าผาก และคอ เมื่อผิวมีความกระชับขึ้น ใบหน้าก็จะดูกระชับและได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น

ศัลยกรรมเสริมจมูกและคาง

การทำศัลยกรรมเสริมจมูกและเสริมคาง เป็นวิธีที่ช่วยปรับแต่งโครงสร้างของใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น จมูกและคางที่ได้สัดส่วน จะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและสมบูรณ์แบบมากขึ้น การเสริมคาง จะช่วยให้ใบหน้ามีความยาวที่เหมาะสม ส่วนการเสริมจมูก จะทำให้จมูกดูชัดเจนและสัมพันธ์กับองค์ประกอบอื่นๆ ของใบหน้า

ร้อยไหม (Thread Lift)

การ ร้อยไหม เป็นการยกกระชับใบหน้า โดยใช้ไหมละลายในการยกกระชับผิวหนังบริเวณที่หย่อนคล้อย การร้อยไหมช่วยยกกระชับใบหน้าในแนวตั้ง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น นอกจากนี้ การร้อยไหม ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน การร้อยไหมเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด

การวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อปรับสัดส่วนทองคำ

การทำหัตถการเสริมความงามให้ใบหน้าได้สัดส่วนตาม Golden Ratio ต้องอาศัยการวิเคราะห์ใบหน้าจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ โดยกระบวนการวิเคราะห์นี้จะมีขั้นตอนดังนี้:

การวัดและประเมินสัดส่วนของใบหน้า

แพทย์จะทำการวัดและประเมินสัดส่วนของใบหน้า เช่น ความยาวและความกว้างของใบหน้า ระยะห่างระหว่างดวงตาและจมูก รวมถึงการประเมินความสมดุลขององค์ประกอบต่างๆ เพื่อหาจุดที่ต้องปรับแต่ง

การวางแผนการรักษา

เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนใบหน้าแล้ว แพทย์แจะวางแผนการรักษาหรือหัตถการที่เหมาะสม โดยอาจใช้หลายหัตถการร่วมกันเพื่อปรับใบหน้าให้ได้สัดส่วนที่สมดุลและใกล้เคียงกับสัดส่วนทองคำ

บทสรุป

Golden Ratioหรือสัดส่วนทองคำเป็นแนวคิดที่มีความสำคัญในการประเมินความงามของใบหน้า โดยอิงจากสัดส่วน 1:1.618 ซึ่งถูกมองว่าเป็นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบและดึงดูดสายตาตามหลักคณิตศาสตร์และธรรมชาติ ใบหน้าที่มีความสมดุลตามสัดส่วนทองคำ จะมีองค์ประกอบที่สัมพันธ์กันอย่างพอดี ทั้งในด้านความยาว ความกว้าง และตำแหน่งของจุดต่างๆ เช่น ตา จมูก ปาก และคาง

ในยุคปัจจุบัน การเสริมความงามสามารถนำแนวคิดสัดส่วนทองคำ มาประยุกต์ใช้ผ่านหัตถการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือการยกกระชับใบหน้าด้วยเทคโนโลยีอย่าง Ulthera และ Thermage เพื่อปรับใบหน้าให้ดูสวยสมดุลมากขึ้นตามสัดส่วนทองคำ ทั้งนี้ การวิเคราะห์ใบหน้าจากผู้เชี่ยวชาญถือเป็นกุญแจสำคัญในการทำหัตถการที่เหมาะสมและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สัดส่วนทองคำ จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความงามที่ลงตัวและยั่งยืน ทำให้ใบหน้าดูสวยงามเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบค่ะ

Similar Posts