ฝ้า เป็นสิ่งไม่พึงปรารถนาที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเรา ทำให้สีผิว ไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอและยากต่อการปกปิด การเกิดฝ้ามักสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น การสัมผัสกับมลภาวะ เช่น แสงแดด สารเคมี และฮอร์โมนในร่างกายที่แปรปรวน เช่น อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ อย่างที่รู้กันว่า การป้องกันฝ้านั้นว่ายากแล้ว แต่การ รักษาฝ้า ที่เกิดขึ้นแล้วนั้นยิ่งยากกว่า แต่ถ้าฝ้าได้มาเยือนบนใบหน้าเราแล้วล่ะ! จะมีวิธีไหนที่ช่วย รักษาฝ้า และ ลดรอยฝ้า ได้บ้างนะ?

ฝ้าเกิดจากการที่เม็ดสีเมลานินถูกรบกวน ทำให้ผลิตเมลานินออกมามากเกินไป จนเกิดเป็นปื้นสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำบบนผิวหน้า ส่วนใหญ่เกิดบริเวณโหนกแก้ม จมูก หน้าผาก และมักเกิดกับผู้หญิงวัยกลางคนขึ้นไป แต่เมื่อ Lifestyle เราเปลี่ยนไป โลกร้อนขึ้น มีปัจจัยที่ไปกระตุ้นเม็ดสีให้ทำงานผิดปกติมากขึ้น คนในวัยหนุ่มสาว ก็อาจมีโอกาสเสี่ยงกับการเป็นฝ้ามากขึ้นเช่นกัน

ฝ้า คืออะไร? และเกิดจากอะไร?

สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า ได้แก่ รังสี UV โดยเฉพาะ UVA ซึ่งมีช่วงคลื่นยาว จึงเห็นได้ว่าคนไทยเป็นฝ้ากันค่อนข้างมาก นั่นก็เพราะแดดที่ร้อนแรงสุดๆ ของประเทศไทยนั่นเอง ฝ้าเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และนอกจากการสัมผัสกับแสงแดดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน เช่น การใช้เครื่องสำอางบางอย่าง การตั้งครรภ์ การทานยาคุมกำเนิด และแสงสีฟ้าจาก Gadgetต่างๆที่เราใช้งานกันอยู่เป็นประจำ

ฝ้า แบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

  • ฝ้าแบบตื้น ซึ่งเกิดกับเซลล์ผิวหนังกำพร้า หรือผิวชั้นนอก จะเห็นเป็นปื้นสีน้ำตาล สามารถรักษาได้ง่ายกว่า
  • ฝ้าแบบลึก เกิดกับชั้นผิวที่ลึกลงไป มักเห็นเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือม่วง จะรักษาได้ยากกว่าฝ้าแบบตื้น

แม้ฝ้าจะไม่ได้ก่อให้เกิดอาการแสบ คัน หรือระคายเคืองผิว รวมถึงไม่ได้มีอันตรายอะไร แต่ปื้นดำๆ บนใบหน้าก็ทำให้ผิวเราดูไม่เรียบเนียน ไม่สวยงาม จนสาวๆ หนุ่มๆ เสียความมั่นใจ แถมฝ้ายังต่างกับจุดด่างดำและรอยแผลเป็นอื่นๆ ตรงที่เมื่อเกิดแล้วมักไม่จางไปตามธรรมชาติ ทำให้เราต้องสรรหากรรมวิธีต่างๆ มารักษาฝ้า และลดรอยฝ้ากันเป็นการใหญ่

ดูแล รักษาฝ้า ได้อย่างไรได้บ้าง?

  1. ทาครีมรักษาฝ้า

ครีมหรือยาทารักษาฝ้า มักมีส่วนผสมของ AHA, Arbutin, Kojic acid, วิตามินซี และอนุพันธ์วิตามินเอ ซึ่งครีมบางตัวต้องจ่ายโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ครีมเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดจุดด่างดำ รวมถึงลดรอยฝ้าให้จางลงได้ แม้การทาครีมจะเป็นวิธีที่ง่าย แต่ก็เห็นผลลัพธ์ค่อนข้างช้า ไม่เหมาะกับคนใจร้อน และวิธีนี้มักรักษาได้เฉพาะฝ้าแบบตื้นเท่านั้น สำหรับฝ้าแบบลึก การทาครีมอย่างเดียวคงเอาไม่อยู่ ข้อควรระวังอีกอย่างหนึ่งในการเลือกครีมรักษาฝ้า คือควรใช้ครีมหรือยาที่แพทย์จ่าย หรือเลือกซื้อครีมที่น่าเชื่อถือเท่านั้น เพราะหากพลาดพลั้งไปใช้ครีมอันตรายเข้า นอกจากฝ้าจะไม่หายแล้ว อาจเกิดอาการแพ้จนหน้าพังยิ่งกว่าเดิมได้

  • ใช้เทคโนโลยีลดรอยฝ้า

ปัจจุบันเทคโนโลยีสำหรับใช้รักษาฝ้านั้นมีอยู่หลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น

  • การทำไอออนโต (Ionto)

เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ผลักวิตามินหรือสารที่มีสรรพคุณลดเม็ดสีเมลานินเข้าสู่ผิว ทำให้สารบำรุงสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น การทำไอออนโตจะช่วยลดจุดด่างดำ รอยแผลเป็น รวมถึงลดรอยฝ้าได้ ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น โดยการทำครั้งหนึ่งใช้เวลาเพียง 30 นาที และต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ครั้ง จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

  • การผลัดผิวด้วย M.D. (Microdermabrasion)

เป็นการใช้ผงคริสตัลขนาดเล็กละเอียดในการช่วยกรอผิว ซึ่งผงคริสตัลจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวด้านบนที่เสื่อมสภาพออกไป และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวและคอลลาเจนมาทดแทน ทำให้ผิวดูสดใสเปล่งปลั่ง รอยหลุมสิวดูตื้นขึ้น จุดด่างดำและฝ้าดูจางลงได้ การทำ M.D. เพื่อลดรอยฝ้านั้นมีผลข้างเคียงน้อยมาก และแทบไม่รู้สึกเจ็บ ยกเว้นในคนที่มีสิวอักเสบ การทำ M.D. อาจกระตุ้นให้การอักเสบรุนแรงขึ้นได้ การรักษาฝ้าด้วยการทำ M.D. อาจต้องทำซ้ำอย่างน้อย 8-10 ครั้ง จึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

  • รักษาฝ้าด้วย IPL

IPL (Intense Pulsed Light) เป็นการยิงแสงลงไปที่ผิว เพื่อให้เกิดความร้อน ซึ่งความร้อนที่ยิงลงไป จะไปทำลายโปรตีนของเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น IPL เป็นการรักษาฝ้าที่คล้ายเลเซอร์ แต่ใช้พลังงานต่ำกว่า เป็นการรักษาที่ไม่เจ็บ ไม่ต้องทายาชาเหมือนการรักษาด้วยเลเซอร์ แต่เนื่องจากเป็นการใช้พลังงานที่ต่ำ ทำให้ต้องใช้เวลาในการรักษาหลายครั้งถึงจะเห็นผล

-การทำเมโส หน้าใส

เมโส หน้าใส เป็นการใช้หลักการของกระแสไฟฟ้าเปิดผิว เพื่อนำตัวยาที่ต้องการใช้รักษาลงไปใต้ชั้นผิว  ตัวยาจะแตกเป็นอนุภาคเล็กๆระดับนาโน จึงสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ล้ำลึกกว่าเมื่อนำตัวยาลงไป ปรนนิบัติผิวแล้ว ก็จะใช้ระบบความเย็นเพื่อปิดผิว ผิวจะเนียนใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การทำเมโสหน้าใส เป็นวิธีการผลักตัวยารักษาฝ้า ลงสู่ผิวได้ลึกกว่าการทาครีม จึงเห็นผลเร็วกว่าการทาครีม และควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคงความกระจ่างใสของผิวหน้าไว้

เป็นอย่างไรบ้างคะ วิธีรักษาฝ้าที่นำมาฝากกัน หวังว่าจะช่วยให้เป็นแนวทางในการรักษาฝ้าได้นะคะ

อันที่จริงแล้ว การใช้ครีมหรือเทคโนโลยีช่วย เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ วิธีที่ดี และได้ผลยั่งยืนที่สุด เพื่อคงความกระจ่างใสของใบหน้าไว้ ก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้า ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ความเครียด และรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินต้านอนุมูลอิสระ ดื่มน้ำมากๆเพื่อดีท็อกซ์ผิว  พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้ก็จะยืดอายุและความสดใสของผิวเอาไว้ได้อย่างยาวนานค่ะ

สอบถามโปรแกรมรักษาฝ้า ราคา เพิ่มเติมได้ที่ Line:@lagraceclinic , FB:lagracebeautyclub , IG:lagracebeautyclub , โทร : 087-494-4000 , 087-494-9000

Similar Posts