หลุมสิว ตัวร้ายที่ทำลายความมั่นใจในการใช้ชีวิตของทุกเพศ ทุกวัย เพราะเป็นปัญหาที่ทำให้ผิวขรุขระ ซึ่งมีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลงไป เมื่อเทียบกับผิวข้างเคียงแล้วจะทำให้เรามองเห็นเป็นรอยหลุมสิวลึกอย่างชัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับปัญหาของหลุมสิวที่พบ บางรายอาจจะมีการกระจายทั่วใบหน้า หรือบางรายอาจจะพบเป็นจุดๆ ที่เป็นรอยหลุมแผลเป็นทิ้งไว้บนใบหน้า และส่วนใหญ่พบว่ามักจะมีรอยหลุมสิวปรากฏบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้างค่อนข้างมาก
ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรือวัยไหน เมื่อต้องเจอกับปัญหาหลุมสิวแล้ว นอกจากจะทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง ยังส่งผลเสียหลายๆ ด้านในการดำเนินชีวิตอีกด้วยค่ะ เพราะมนุษย์อย่างเราเมื่อมีความมั่นใจในตัวเองแล้ว จะเป็นพลังขับเคลื่อนในการทำอะไรต่างๆ ได้ดี ด้วยเหตุนี้ หลุมสิวจึงเป็นปัญหาผิวที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ลา กราซ เลยอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักเกี่ยวกับหลุมสิวกันค่ะ ปัญหาที่พบเมื่อเป็นหลุมสิว หลุมสิวเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง? หลุมสิวมีกี่ระดับ และสามารถรักษาหลุมสิวได้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง? ไปเช็กกันเลยค่ะ
ปัญหาที่เกิดขึ้น จากการเป็นหลุมสิว
เชื่อว่าอาการเหล่านี้ อาจจะมีเพียงผู้ประสบปัญหาเท่านั้นถึงจะรับรู้ได้อย่างลึกซึ้ง ว่าปัญหาของการเป็นหลุมสิวนั้นสร้างความเสียหายให้กับการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อมีผิวขรุขระ หน้าเป็นหลุม ผิวไม่เรียบเนียนบนใบหน้าแล้ว จะส่งผลให้รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะเวลาที่ส่องกระจก ยิ่งในกรณีที่เป็นผู้หญิง เมื่อเราแต่งหน้าแล้วจะยิ่งทำให้รู้สึกแย่ ไม่มีความความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะมันเหมือนเป็นการตอกย้ำถึงความรู้สึกที่ไม่ดีในช่วงที่กำลังแต่งหน้า เนื่องจากจะทำให้เราเห็นถึงความไม่เรียบเนียนบนใบหน้าอย่างชัดเจน รวมไปถึงพอมีการแต่งหน้าแล้ว จะรู้สึกไม่สวย ไม่มีออร่า ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่ง แน่นอนค่ะว่าปัญหาหลุมสิว ไม่ได้เป็นเรื่องจิ๋วต่อจิตใจเราเลย เพราะเมื่อมีการขาดความมั่นใจในตัวเองแล้ว จะยิ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจ ซึ่งเป็นผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ปัญหาหลุมสิวที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงกับผู้หญิงอย่างเดียว แต่ในผู้ชายก็เป็นปัญหาได้ไม่แพ้กัน โดยพบว่า เมื่อมีผิวที่ไม่เรียบเนียน จะส่งผลให้เราเกิดความรู้สึกน้อยใจในตัวเอง จนลามไปถึงการเลือกมองแต่จุดด้อยของตัวเอง ด้วยสาเหตุจากการเสียความมั่นใจ ทำให้หมดพลังในการใช้ชีวิตอย่างมาก บางรายอาจถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเกิดการวิตก และกังวลในเรื่องของใบหน้าตัวเอง จนไม่กล้าออกมาใช้ชีวิตข้างนอก ไม่กล้าแสดงออก หรือเป็นตัวของตัวเองมากนัก เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมอง หรือคิดยังไงต่อใบหน้าของเรานั่นเองค่ะ
สาเหตุที่ทำให้เกิดหลุมสิว มีอะไรบ้าง?
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดหลุมสิวนั้น โดยปกติพบว่ามักจะเกิดจากการที่ได้รับความเสียหายจากผิวชั้นลึก ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่เกิดจากการรักษาสิวอย่างผิดวิธี เช่น การกด การบีบสิวในชั้นผิวที่ลึก อันเนื่องมาจากสิวหัวช้างเม็ดใหญ่ ที่เป็นสิวขนาดใหญ่มีหนองปนเลือดอยู่ภายในหัวสิว หรือสิวอักเสบรุนแรง นอกจากนี้ พบว่าส่วนใหญ่เกิดจากการเป็นสิวซีสต์ (Cystic Acne) เป็นสิวอักเสบชนิดที่รุนแรงที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่ม หรือก้อนนูนสีแดงขนาดใหญ่ อันเป็นสาเหตุมาจากการอุดตันของรูขุมขน บวกกับการมีเชื้อแบคทีเรียเข้าไปในรูขุมขน ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบ มักทำให้รู้สึกเจ็บปวด และทิ้งรอยสิวที่รักษาได้ยาก ทั้งนี้ โดยปกติหลังจากที่สิวหายแล้วจะมีกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังโดยไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น โดยใช้เวลาประมาณ 7 – 10 วัน หลังจากสิวหาย จะมีการสร้างเซลล์ผิวหนังและคอลลาเจนล้อมรอบบริเวณที่มีการอักเสบ ในขณะเดียวกันหากกระบวนการดังกล่าวไม่สามารถซ่อมแซมได้อย่างสมบูรณ์ หรือได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก อย่างการบีบสิว หรือกดสิว ที่เคยกล่าวมาข้างต้นแล้ว ว่าอาจทำให้เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนัง ที่ทำให้เกิดการยุบตัวลงของผิว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดรอยแผลเป็นและหลุมสิวนั่นเองค่ะ
หลุมสิว แบ่งตามความรุนแรงได้ 3 ระดับ ดังนี้
สาวๆ หนุ่มๆ รู้ไหมคะว่า จริงๆ แล้วหลุมสิวสามารถเกิดขึ้นได้หลายระดับ โดยได้มีการแบ่งประเภทตามความรุนแรง และความยากต่อการรักษา ทั้งนี้ มีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลยค่ะ
1. หลุมสิวชนิด Ice Pick Scar เป็นหลุมสิวที่มีขนาดลึก แต่ปากแผลแคบ โดยทั่วไปมักมีขนาดไม่เกิน 2 มม. จะเป็นระดับที่มีความรุนแรงมากที่สุด ซึ่งมีสาเหตุมาจากการกด หรือบีบสิวอุดตัน สิวอักเสบ ที่รักษาได้ยาก เนื่องจากสิวมีการกินเนื้อผิวไปจนถึงระดับรูขุมขน แล้วมีการทำลายระดับลึกลงไปถึงชั้นผิวหนังแท้ จึงส่งผลให้คอลลาเจนหายไปด้วย ทำให้เป็นหลุมสิวในแนวลึก และจนกว่าผิวจะสามารถฟื้นฟูให้กลับมาเติมเต็มอีกครั้ง จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษา เพื่อช่วยให้รอยหลุมตื้นขึ้นมานั่นเองค่ะ
2. หลุมสิวชนิด Box Scar ในประเภทนี้ จะเป็นหลุมสิวที่มีลักษณะเป็นบ่อ ซึ่งมีขนาดกว้าง เห็นขอบของหลุมสิวได้อย่างชัดเจน โดยความลึกจะอยู่ที่ประมาณ 3 – 5 มิลลิเมตร จะมีขนาดใหญ่กว่าหลุมสิวประเภท Ice pick scar แต่อยู่ในระดับความรุนแรงปานกลาง มักพบพังผืด (fibrosis) เกาะติดในบริเวณชั้นหนังแท้ มีทั้งแบบที่เป็นแผลลึกและแผลตื้น โดยมีสาเหตุมาจากการเกิดสิวอักเสบแบบขั้นลึก รวมไปถึงคนที่เป็นโลกอีสุกอีใสด้วยเช่นกันค่ะ
3. หลุมสิวชนิด Rolling Scar เป็นประเภทหลุมสิวที่อยู่ในระดับทั่วไป จะมีลักษณะเป็นหลุมตื้นๆ เพราะเป็นเพียงหลุมสิวที่เกิดขึ้นแค่ช่วงผิวส่วนบนเล็กน้อย เป็นรอยยุบเล็กๆ ไม่ลึกมาก โดยประเภทนี้จะมีความรุนแรงน้อยสุด มักจะทำการรักษาได้ง่ายกว่าระดับอื่นๆ ค่ะ
หลุมสิว รักษาได้ ด้วย โปรแกรม Peeling Smooth
สำหรับสาวๆ หนุ่มๆ ที่กำลังมีความกังวลใจในปัญหาหลุมสิว สามารถกู้ผิวได้ด้วยโปรแกรม Peeling Smooth นี้เลยค่ะ โดยจะเป็นการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์ในกลุ่ม Fractional Laser หนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยรักษาปัญหาผิวด้วยเลเซอร์ ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหัตถการนี้จะเป็นวิธีการรักษาหลุมสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ลำแสงแคบจุดเล็กๆ ที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผม เพื่อไปกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวเก่าแล้วสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่ดีกว่าเดิม ทำให้สามารถรักษารอยต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็น รอยแดง รอยหลุมสิว รอยแผลเป็น ลดเลือนริ้วรอย และช่วยกระชับรูขุมขนขนาดกว้าง ให้กลับมาเรียบเนียนได้ นอกจากนี้พบว่ายังสามารถไปกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้มากขึ้น ส่งผลให้มีผิวที่เนียนนุ่ม ขาวใส มีสุขภาพผิวที่ดีด้วยเช่นกันค่ะ
โปรแกรม Peeling Smooth นี้ ยังสามารถรักษาในผู้ที่มีปัญหาผิวแตกลายได้ เราจะเห็นว่า Peeling Smooth เป็นหัตถการที่ช่วยเรื่องงานผิวได้ดี จึงสามารถใช้ในผู้ที่มีปัญหาในเรื่องรูขุมขนกว้าง มีริ้วรอยต่างๆ หรือมีผิวที่ไม่เรียบเนียน และเมื่อปัญหาดังกล่าวได้รับการรักษาด้วย Peeling Smooth จะช่วยให้เราสามารถกลับมามีผิวหน้าที่เรียบเนียน มั่นใจได้อีกครั้ง พร้อมมีพลังขับเคลื่อนในการใช้ชีวิตประจำวันได้ดีค่ะ
ใคร? ที่เหมาะรักษาหลุมสิว ด้วย Peeling Smooth
- ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว โดยเฉพาะหลุมสิวขนาดใหญ่ และค่อนข้างลึก
- ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนขนาดกว้าง ริ้วรอย และมีผิวไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่ต้องการรักษารอยแตกลาย หรือรอยแผลเป็นชนิดคีลอยด์
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว ปรับสภาพผิวให้กลับมาเนียนใส สุขภาพดี
โปรแกรม Peeling Smooth ช่วยอะไรได้บ้าง?
- ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเดิมที่เสื่อมสภาพไปแล้ว
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผิวดูสุขภาพดี แบบเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยไม่มีบาดแผลหลังการรักษา
- ช่วยรักษาหลุมสิว กระชับรูขุมขนขนาดกว้าง พร้อมคืนผิวให้กลับมาเรียบเนียน
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย ลดเลือนร่องลึกอย่างเห็นได้ชัด
- สามารถรักษารอยแผลเป็นชนิดคีลอยด์ได้
- ช่วยรักษาปัญหาผิวแตกลายได้
Peeling Smooth ควรทำถี่แค่ไหน ทำกี่ครั้งเห็นผล?
สำหรับการทำโปรแกรม Peeling Smooth จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และเมื่อมีการทำอย่างต่อเนื่อง จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกครั้งที่ทำการรักษา โดยส่วนใหญ่ควรทำการรักษาต่อเนื่อง อย่างน้อยประมาณ 4 – 6 ครั้ง ระยะความถี่อยู่ที่ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับระดับปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยการรักษาในแต่ละครั้งของโปรแกรมนี้จะมีคุณสมบัติเด่นคือจะช่วยทำให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาเพื่อทดแทนเซลล์ผิวเดิมที่เสื่อมสภาพไปแล้ว ในสำหรับผู้ที่รักษาหลุมสิว จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นหลังการรักษาต่อเนื่อง ประมาณ 2 – 3 ครั้ง เช่น มีผิวที่เรียบเนียนแบบที่น่าพอใจมากขึ้น ซึ่งสามารถเห็นผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดจนกระบวนการที่ช่วยสร้างคอลลาเจนใหม่ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกันค่ะ
ขั้นตอนการทำ Peeling Smooth มีอะไรบ้าง?
1. ก่อนทำการรักษาจะมีการเตรียมผิว โดยการทายาชา ประมาณ 30 – 45 นาที
2. ทำการยิงเลเซอร์โดยใช้เวลาประมาณ 5 – 20 นาที โดยขึ้นอยู่กับระดับของปัญหาผิวในบริเวณที่ต้องการรักษา และการประเมินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั่นเองค่ะ
ข้อควรรู้หลังทำ Peeling Smooth
- หลังทำอาจจะมีสะเก็ดขนาดเล็กมาก จนสังเกตเห็นได้ยาก ไม่ควรแกะ เกา ตามบริเวณดังกล่าว เพราะจะหลุดออกเองตามธรรมชาติได้หมดภายใน 3 – 7 วัน
- จะมีพบอาการบวมแดงค่อนข้างน้อย และในกรณีที่เป็น จะเกิดขึ้นเพียง 20 นาที ถึง 2 ชั่วโมง
- หลังการรักษา ผิวจะมีสีอมชมพูคล้ายตากแดดจัดอยู่ประมาณ 2 – 3 วัน เนื่องจากเป็นช่วงกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ระหว่างนี้คนไข้สามารถดูแลผิว และแต่งหน้าได้ตามปกติ ส่วนในกรณีผู้ชายสามารถโกนหนวดได้ตามปกติเช่นกันค่ะ
- หลังทำจะมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทันทีภายใน 24 ชั่วโมง แต่ทว่าช่วงระหว่างที่เซลล์ผิวเก่ายังไม่หลุดออกนั้น จะทำให้ผิวหน้ามีสีเข้มขึ้น ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะเขาจะค่อยๆ หลุดออกไปภายใน 7 – 10 วัน แล้วจะมีเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ ทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นนั่นเอง
ดูแลตัวเองอย่างไรดี? หลังทำ Peeling Smooth แล้ว
- พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ทำการรักษาสัมผัสโดนน้ำ ประมาณ 24 ชั่วโมง
- หากจำเป็นต้องล้างบริเวณที่ทำการรักษา ควรทำความสะอาดอย่างเบามือค่ะ
- งดผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวในช่วง 3 วันแรก หลังจากการรักษา หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- พยายามหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด หรือสถานที่ที่ร้อนจัด ในช่วงสัปดาห์แรกหลังจากรักษามาแล้ว
- งด หรือหลีกเลี่ยง การอาบน้ำร้อน การทำซาวน่า ในช่วง 3 วันแรก
- หลีกเลี่ยงการนวด การขัด สครับผิว หรือการใช้ยา ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณที่ทำการรักษา
- หากพบอาการบวมแดง หรือมีผื่นขึ้นบริเวณที่ทำการรักษา ควรรีบปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาทันที
- หากมีสะเก็ดเกิดขึ้น ไม่ควรแกะ เกา ควรปล่อยให้หลุดออกเองตามธรรมชาติค่ะ
- สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่อย่าลืมทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวที่ทำการรักษาจากแสงแดด หรือรังสี UV
- หากได้รับยาทาเพิ่มเติมจากแพทย์ อย่าลืมทายาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอค่ะ
สนใจรักษาหลุมสิว ให้ ลา กราซ ช่วยดูแล ได้เลยค่ะ
จากที่กล่าวมาข้างต้น นี่คือเหตุผลที่ว่า ปัญหาหลุมสิว ไม่ใช่เรื่องจิ๋วๆ แบบที่ทุกคนคิดกันค่ะ เพราะหากมันไม่ได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเราแล้ว เราเองอาจจะแทบไม่เข้าใจเลยว่าคนที่ต้องเจอกับปัญหาหลุมสิวดังกล่าว จะต้องรับมือและพบเจอกับสถานการณ์อย่างไรบ้าง? ด้วยเหตุนี้ ลา กราซ จึงอยากซัพพอร์ตทุกด้านความงามของทุกๆ คน ไม่ว่าเราจะเป็นเพศไหน หรือวัยไหน เราต่างต้องการความมั่นใจ เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนในการใช้ชีวิตด้วยกันทั้งนั้น
สำหรับสาวๆ หรือหนุ่มๆ ที่สนใจ อยากรักษาปัญหาผิวต่างๆ ให้ลา กราซ ช่วยดูแลตลอดเส้นทางการรักษาได้เสมอเลยค่ะ เพราะเราอยากให้คุณได้สวยหล่ออย่างมั่นใจ และปลอดภัย สามารถปรึกษาแพทย์ฟรีก่อนเข้ารับบริการได้แล้วที่นี่ Line:@lagraceclinic , FB: LA GRACE CLINIC , IG:Lagraceclinic
หรือลงทะเบียนเพื่อเข้ารับบริการ พร้อมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้เลยที่นี่ https://shorturl.asia/CQAca
