Sculptra คืออะไร? จุดเริ่มต้นของการกลับไปหาตัวเอง เวอร์ชั่นผิวที่ตึงใสกว่าเดิม
บางครั้งเราไม่ได้ต้องการ “หน้าเด็กแบบย้อนวัย 10 ปี” บางครั้งเราอาจต้องการแค่… ให้ผิวกลับไปรู้สึกมีชีวิต มีโครงสร้างแน่น เหมือนตอนที่เรายังมั่นใจโดยไม่ต้องพยายาม Sculptra คือสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่าง “ฉีดเพื่อแก้” กับ “ฉีดเพื่อสร้างใหม่” มันไม่ใช่ฟิลเลอร์ ที่เติมวอลุ่มเฉพาะจุดแบบทันที และมันก็ไม่ใช่เครื่องพลังงาน ที่ยิงแล้วยกแบบเห็นผลวันนั้นเลย แล้ว Sculptra คืออะไร? แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร? และทำไมถึงกลายเป็นที่พูดถึงในวงการความงาม?
📍ดูโปรโมชั่น Sculptra ราคาพิเศษ ได้ที่นี่
ทำไมหลายคนอายุ 30+ ถึงเริ่มสนใจ Sculptra มากขึ้น
ช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่คนเริ่มสังเกต “ความเปลี่ยนไปแบบนุ่ม ๆ” มันไม่ใช่ร่อง / ไม่ใช่ริ้ว แต่มันคือ “ความไม่แน่น” ของใบหน้า
คือหน้ามันดูเหมือนคนที่นอนพอ แต่ไม่สด ยิ้มแล้วก็ดูโอเค แต่ข้าง ๆ ดูเหมือนบาง
มันคือความเปลี่ยนที่บอกใครไม่ได้ แต่เรารู้สึกได้เอง และมันคือจุดเริ่มต้นของ volume loss แบบเงียบ ๆ
เวลาคนเริ่มอายุ 30+ เข้าสู่ช่วงที่น้ำหนักขึ้นลง หรือผ่านจุดที่ผิวเริ่มบางลงแบบไม่ทันสังเกต หลายคนจะเริ่มมีความรู้สึกคล้าย ๆ กันว่า
- หน้าไม่ได้แย่ แต่มันดู โทรม
- ไม่ได้มีร่องลึก แต่ผิวเหมือน ล้า
- ไม่ได้ “ตก” มาก แต่เหมือน ความสดหายไป
ผลลัพธ์ที่หลายคนตามหา ไม่ใช่หน้าใหม่ แต่คือ “ความเป็นเราที่สมบูรณ์กว่าเดิม…แบบไม่โป๊ะ”
Sculptra เลยกลายเป็นประตูทางเลือกใหม่ สำหรับคนที่ต้องการ ลุคธรรมชาติ ค่อย ๆ คมขึ้น ละมุนขึ้น แต่มั่นใจขึ้นแบบลึก ๆ
มันเป็น aesthetic ที่ไม่ประกาศตัว แต่เหมือนให้เพื่อนถามเบา ๆ ว่า
“ช่วงนี้หน้าดูพักผ่อนดีขึ้นนะ ใช้ครีมอะไรอะ?”
Sculptra คืออะไร?
Sculptra คือสารที่อยู่ในกลุ่ม (Poly-L-Lactic Acid หรือ PLLA)
ซึ่งไม่ใช่สารเติมเต็มวอลุ่มโดยตรง แต่เป็นสารที่ “เข้าไปกระตุ้น” ให้ผิวสร้างคอลลาเจนของตัวเองใหม่อีกครั้ง
ต่างจากวิธีการฉีดเติมเต็มอื่น ๆ ที่กินความหมายไปทาง “ให้ปริมาตรจากข้างนอกเพื่อสร้างทรง”
Sculptra จะทำงานแบบ “ภายใน–สู่–ภายนอก” คือให้ร่างกายเราเป็นคนสร้าง volume เอง
เพราะฉะนั้น Sculptra ไม่ใช่ฟิลเลอร์
มันอยู่ใน category ที่เรียกว่า “biostimulator” หรือสารกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ
ในภาษาให้ง่ายที่สุด มันไม่ได้ทำให้ “เกิด volume จากสารที่ฉีดเข้าไป” แต่มันทำให้ “ผิวสร้าง volume ขึ้นมาเอง”
Sculptra ทำงานยังไง?
เวลาเราอายุยังน้อย ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้ดีแบบอัตโนมัติ พอ 30+ การสร้างเริ่มลดลงปีละนิด ๆ จนผิวเริ่มบาง ไม่แน่นเหมือนเดิม
Sculptra เข้าไป “สะกิดระบบนี้” ให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง มันไม่ได้เติมเนื้อเข้าไปแบบฟิลเลอร์ แต่ทำให้ผิว “กลับมาผลิตเนื้อของตัวเอง”
PLLA ใน Sculptra จะอยู่ในชั้นผิว และค่อย ๆ กระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง
ผลคือไม่ได้มาแบบทันที แต่จะขึ้นแบบค่อย ๆ
4–6 สัปดาห์แรก = เริ่มรู้สึก
3 เดือนขึ้นไป = เริ่มชัด
ชัดแบบธรรมชาติ ไม่โป๊ะ ไม่ลอย
จุดเด่นของ Sculptra
- ✅ กระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน ใต้ผิวอย่างล้ำลึก
- ✅ ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะ
- ✅ อยู่ได้นานกว่า 2 ปี
- ✅ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหา ผิวหย่อนคล้อย หรือขาดมิติ
- ✅ ปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในสหรัฐอเมริกาและไทย

ข้อดีของ Sculptra (ที่หลายคนชอบแอบชอบ)
ข้อดีของ Sculptraไม่ใช่ความ “หวือหวา” แต่คือความ “ละมุน” มันคือความสวยที่ค่อย ๆ โตขึ้นจากข้างใน
ไม่รีบ
ไม่รีแอค
แต่ค่อย ๆ ฟูขึ้นแบบที่เราดูออกว่า “ดีขึ้น” แต่คนอื่นจับไม่ได้ว่ามาจากอะไร
สิ่งที่คนที่ทำแล้วพูดเหมือนกันคือ
- ผิวดูอิ่มขึ้น แต่ไม่โป๊ะ
- หน้าไม่ดู fake
- เวลาเซลฟี่ มุมข้างดู soft ขึ้น
- confidence ดีขึ้นแบบลึก ๆ
มันเป็น aesthetic ที่ให้ความรู้สึก “แพง” แบบไม่ต้องพยายาม เหมือนการดูแลตัวเองดี ๆ ต่อเนื่อง ไม่ใช่การเปลี่ยนหน้าฉับพลัน
ข้อจำกัดของ Sculptra (ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ)
ข้อจำกัดของมันคือ ต้องรอ
Sculptraไม่ใช่ treatment ที่ฉีดวันนี้ พรุ่งนี้สวยเลย
บางคนอยากรีบเพื่อถ่ายรูปงานแต่ง งานรับปริญญา หรือ event ที่มีเดดไลน์ใกล้ ๆ
แบบนั้น Sculptra อาจจะไม่ใช่คำตอบแรก
และอีกหนึ่งข้อจำกัดคือ Sculptra ต้องอาศัย “เทคนิคการฉีด” ที่แม่น
เพราะมันคือ biostimulator ไม่ใช่เติมให้ puff ขึ้นแบบ filler
ดังนั้นเคสนี้ skill แพทย์มีผลอย่างชัดเจน
เหมาะกับใครบ้าง?
คนที่เหมาะกับ Sculptra มักมี pattern 1 อย่างอยู่ร่วมกัน คือ “ยังไม่ถึงขั้นอยากทำอะไรหนัก ๆ แต่เริ่มรู้สึกหน้าไม่เหมือนเดิม” พวกเขาไม่ได้อยากเปลี่ยนหน้า แต่อยาก “รีเซ็ตผิวให้กลับไปถ่ายรูปมุมไหนก็มั่นใจแบบก่อนหน้านี้”
ตัวอย่าง feeling:
- ตอนยิ้ม — มุมหน้าไม่คมเหมือนแต่ก่อน
- ตอนใส่แว่น — เหมือนโครงหน้าปรึ ๆ ขึ้น
- ตอนเซลฟี่ — เหมือนหน้าดูเพลียทั้งที่จริงนอนครบ
Sculptra ไม่ได้ทำให้ “เหมือนคนละคน” มันทำให้ “กลับมาเป็นตัวเองในแบบที่ยังมั่นใจ”
ความสวยของ Sculptra คือ ความสวยที่มาจากข้างใน และไม่ต้องอธิบาย
แล้วใครที่เหมาะกับการฉีด Sculptra
- ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย ผิวขาดความยืดหยุ่น (อ่าน Sculptra กับการรักษา ริ้วรอย ร้องลึก)
- คนที่มีใบหน้าตอบ แก้มตอบ โหนกเด่น
- ผู้ที่ไม่อยากดูเหมือนฉีดสารเติมเต็ม
- คนที่เคยฉีดฟิลเลอร์แล้วรู้สึกว่า “ดูไม่เป็นธรรมชาติ”
- ผู้ที่อยากฟื้นฟูผิวแบบลึกในระยะยาว
Sculptra ต่างจาก ฟิลเลอร์ อย่างไร?
| หัวข้อ | Sculptra | ฟิลเลอร์ทั่วไป (HA) |
| สารประกอบหลัก | Poly-L-Lactic Acid | Hyaluronic Acid (HA) |
| การทำงาน | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน | เติมเต็มในทันที |
| ระยะเวลาเห็นผล | 1-2 เดือนขึ้นไป | เห็นผลทันทีหลังฉีด |
| ความคงทน | นาน 2 ปีขึ้นไป | ประมาณ 6-12 เดือน |
| ผลลัพธ์ | ฟื้นฟูผิวจากภายใน | ปรับรูปหน้า เติมเต็มจุดบกพร่อง |
สรุปสั้นๆ
Sculptra เหมาะกับคนที่ต้องการ “เปลี่ยนลุคอย่างเป็นธรรมชาติ” ไม่เร่งด่วน ต้องการให้ผิวสร้างเนื้อของตัวเอง และต้องการลุคที่ไม่ประกาศตัว
แต่ถ้าคนต้องการ “เห็นผลทันที” ฟิลเลอร์จะตอบโจทย์กว่า
อ่าน Sculptra vs Filler

ขั้นตอนการฉีด Sculptra
Sculptra ไม่ใช่ treatment ที่ฉีดแล้วเดินออกมาพร้อมผลลัพธ์ทันที มันเป็นโปรแกรมที่ “ออกแบบล่วงหน้า” เหมือนการวางแผนบำรุงผิวระยะกลาง
ส่วนใหญ่ protocol จะอยู่ประมาณ 2–3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4–8 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีเวลา “รับสัญญาณ – ตอบสนอง – และสร้างคอลลาเจน”
ถ้าเป็นเคสที่แก้มตอบหนัก หรือ volume loss เยอะมาก แพทย์อาจวางไว้เป็น 3 ครั้งตั้งแต่แรก
แต่ถ้าเป็นเคส skin integrity ยังดี อาจเริ่มแค่ 2 ครั้งก่อน แล้วค่อยประเมินอีกที
มันไม่ใช่การแก้แบบ force volume แต่คือการ “reset ผิวให้กลับมาทำงานดีขึ้น”
protocol แบบเข้าใจง่าย
- ปรึกษาแพทย์ วางแผนตำแหน่ง และปริมาณที่เหมาะสมกับโครงหน้า
- ประเมินผิวหน้า เพื่อดูระดับความหย่อนคล้อย
- ฉีด Sculptra ด้วยเทคนิคเฉพาะจากแพทย์ที่มีประสบการณ์
- นวดหน้า ตามเทคนิค “5-5-5” คือ 5 นาที 5 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 5 วัน
- ติดตามผล เพื่อดูพัฒนาการของผิวในแต่ละเดือน
timeline ที่คนส่วนใหญ่สังเกตได้
สัปดาห์ที่ 1–2 → เงียบ
สัปดาห์ที่ 3–4 → เริ่มสังเกตในบางแสงบางมุม
เดือนที่ 3–6 → ชัดที่สุด
จากนั้นอยู่ได้นานเฉลี่ย ~18–24 เดือน
นี่คือ timeline ที่ทำให้ Sculptra ดูละมุนที่สุด เพราะความเปลี่ยนมันไม่ได้มาแบบ shock value แต่มาแบบ “ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ”
เป็นความมหัศจรรย์เล็ก ๆ ของ biology มากกว่า product
ฉีด Sculptra เจ็บไหม?
คำถามยอดฮิตเลยคือ “ฉีด Sculptra เจ็บไหม?” คำตอบคือไม่เจ็บอย่างที่คิดค่ะ เพราะแพทย์จะใช้ยาชาก่อนทำการฉีด และใช้เทคนิคการฉีดแบบเฉพาะจุด เพื่อกระจายตัวยาให้ทั่วโดยไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดมากนัก
ผลข้างเคียงที่ควรรู้
แม้ว่า Sculptra จะมีความปลอดภัยสูง แต่หลังการฉีดอาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น:
- รอยบวม แดง ช้ำบริเวณที่ฉีด (หายภายใน 2-3 วัน)
- อาการเจ็บเล็กน้อยขณะนวด
- ในบางกรณีอาจเกิดก้อนใต้ผิวหนัง (แต่พบได้น้อย หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ)
Sculptra อยู่ได้นานไหม?
จุดเด่นของ Sculptra คือ ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 2 ปี เพราะตัวยาจะกระตุ้นคอลลาเจนที่ผิวเราสร้างขึ้นเอง ทำให้ผลลัพธ์ไม่หายไปทันที และไม่จำเป็นต้องฉีดบ่อยเท่า ฟิลเลอร์ทั่วไป
คำแนะนำก่อน ฉีด Sculptra
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนฉีด
- หยุดใช้วิตามิน E, น้ำมันปลา หรือยาแก้อักเสบบางชนิดชั่วคราว
- ควรเลือกรับบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- ถ่ายภาพก่อน-หลัง เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
การดูแลหลังทำ Sculptra แบบเข้าใจง่าย และทำตามได้จริง
หลังทำ Sculptra ไม่ต้องกลัวว่าจะยุ่งยาก แต่มันมีจุดเล็ก ๆ ไม่กี่อย่างที่ช่วยให้ผลออกมานุ่ม และเนียนขึ้นเยอะ คือ 5 ข้อที่หมอแทบทุกคนจะบอกเหมือนกัน
- นวด 5 ครั้งต่อวัน × ครั้งละ 5 นาที × 5 วัน
(คนในวงการเรียกย่อ ๆ ว่า “กฎ 5-5-5”)
→ เพราะช่วยให้สารกระจายทั่วพื้นผิวได้สม่ำเสมอ - หลีกเลี่ยงซาวน่า / ความร้อนจัดในช่วง 1 สัปดาห์แรก
→ เพราะความร้อนอาจเพิ่มการอักเสบระดับ micro - งดกิจกรรมที่หน้าโดนแรงกระแทก (boxing / ต่อยมวย / โยคะกลับหัว) ชั่วคราว
→ ช่วยให้เนื้อเยื่อใหม่จัดระเบียบได้ดีขึ้น - ดื่มน้ำให้เพียงพอ
→ ผิวที่มี hydration ดี จะตอบสนองต่อ Sculptra ได้ดีกว่า - ใครชอบ skincare active เช่น retinol / AHA / BHA อาจพักสั้น ๆ เฉพาะช่วงแรก
→ เพื่อให้ผิวได้โฟกัส recovery อย่างเดียวก่อน
การ follow up หลังทำ
ส่วนใหญ่การประเมินผลจะทำหลัง 6–8 สัปดาห์ เพราะนี่คือช่วงที่เริ่มเห็น pattern การสร้างคอลลาเจนใหม่ และนี่คือช่วงที่แพทย์จะประเมินว่า “ต้องเติมรอบ 2 หรือยัง”
หรือจะยืด interval ออกไปตามผิวของแต่ละคน
Sculptra คือ individualized treatment มันไม่ใช่ one size fits all ดังนั้น follow-up สำคัญจริง ๆ
ทำที่ไหนดี? เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย
การฉีด Sculptra ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ดังนั้นควรเลือกคลินิกที่:
- ✅ มีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง หรือเวชกรรมความงาม
- ✅ ใช้ Sculptra ของแท้ที่ผ่าน อย. ไทย
- ✅ มีรีวิวจากผู้ใช้จริงที่น่าเชื่อถือ
- ✅ มีเครื่องมือ และเทคโนโลยีรองรับการฉีด
- ✅ มีการติดตามผลหลังฉีดอย่างใกล้ชิด

Sculptra ราคาเท่าไหร่?
ราคา Sculptra โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ประมาณ 25,000–40,000 บาทต่อขวด (vial) ซึ่งจำนวนขวดที่ใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน เช่น
- แก้มตอบมาก อาจใช้ 2–3 ขวด
- ผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย อาจใช้เพียง 1 ขวด
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินใบหน้า และวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำ
FAQ – คำถามที่คนถามบ่อยเกี่ยวกับ Sculptra
A : คือสาร PLLA ที่ไม่ได้เติมวอลุ่ม แต่ไป “ปลุกผิว” ให้กลับมาสร้างคอลลาเจนเอง ผลที่เห็นเลยไม่มาไวแบบฟิลเลอร์ แต่ค่อย ๆ ฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
A : ส่วนใหญ่ 2–3 ครั้ง ห่างประมาณ 4–8 สัปดาห์ แล้วจะเริ่มเห็นชัดขึ้นช่วงเดือนที่ 3–6
A : เฉลี่ยประมาณ 18–24 เดือน แล้วแต่พฤติกรรม lifestyle / อายุ / การนอน / การดูแลหลังทำ
A : Sculptra เป็น natural-look treatment ที่คนทำชอบเพราะมันไม่ประกาศตัว ผลจะเป็นแบบ “เหมือนไปพักผ่อนมา” มากกว่าดูว่าไปทำอะไรมา
A : ได้ แต่ต้องออกแบบลำดับทำให้เหมาะกับเคส รายนี้แพทย์ต้องเป็นคนประเมิน
A : เพื่อให้สารกระจายสม่ำเสมอ ช่วยลด risk ของการกัดเป็นก้อนจุด ๆ
สรุป: Sculptra คุ้มค่าหรือไม่?
หากคุณมองหาวิธี ฟื้นฟูผิวแบบลึก โดยไม่ต้องการเปลี่ยนโครงหน้า หรือไม่อยากฉีดฟิลเลอร์ที่ดูโป๊ะเกินไป Sculptra คือคำตอบที่น่าสนใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีปัญหาผิวขาดความยืดหยุ่น การฟื้นฟูด้วย Sculptra จะช่วยให้ผิวหน้ากลับมาแน่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
