โปรโมชั่นรักษาสิว ACNE CLEAR สิว จบ ครบเซ็ต เพียง  3,999 บาท

โปรโมชั่นรักษาสิว ที่ ลา กราซ คลินิก ที่ช่วยให้เรื่อง สิว เป็นเรื่อง จิ๋ว ด้วยโปรแกรมรักษาสิวที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด โปรแกรม ACNE CLEAR (Acne Mask + กดสิว + ฉีดสิว + เลเซอร์ฆ่าเชื้อสิว) เพียง  3,999 บาท

ปัญหาสิวเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม และสิวไม่ได้เป็นเพียงปัญหาความงามที่ส่งผลต่อความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังสามารถก่อให้เกิดปัญหารอยดำ รอยแดง หรือรอยแผลเป็นหลังจากการรักษาที่ไม่ถูกวิธี ด้วยเหตุนี้ การดูแลและรักษาสิวให้ถูกวิธีตั้งแต่ต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

สิวคืออะไร 

สิว เป็นปัญหาผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด เกิดขึ้นจากการอุดตันของรูขุมขนและการอักเสบของต่อมไขมัน ซึ่งการอุดตันนี้สามารถเกิดจากน้ำมันส่วนเกิน, เซลล์ผิวที่ตายแล้ว, แบคทีเรีย หรือการอักเสบซึ่งทำให้เกิดการก่อตัวของสิวในรูปแบบต่างๆ เช่น สิวอักเสบ สิวหัวดำ และสิวหัวขาว

สิวมีกี่ประเภท

1. สิวอุดตัน (Comedonal Acne)

สิวอุดตันเป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งมีการแบ่งเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่:

สิวหัวขาว (Whiteheads)

เกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนถูกปิดโดยไขมัน (Sebum) และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ส่งผลให้เกิดการสะสมใต้ผิวหนัง และมีลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็กที่มีสีขาวหรือสีเดียวกับผิวหน้า

สิวหัวดำ (Blackheads)

เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนเช่นเดียวกับสิวหัวขาว แต่รูขุมขนเปิดออก สิ่งอุดตันสัมผัสกับอากาศและเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้สิ่งอุดตันที่อยู่ในรูขุมขนเปลี่ยนเป็นสีดำ

สาเหตุที่ทำให้เกิด สิวอุดตัน

สิวอุดตันเกิดจากปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของต่อมไขมันและการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสาเหตุหลักได้ดังนี้

การผลิตน้ำมันที่มากเกินไป (Excess Sebum Production)

ต่อมไขมันใต้ผิวหนังทำหน้าที่ผลิตน้ำมัน (Sebum) เพื่อช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น แต่ในบางกรณี ต่อมไขมันจะทำงานมากเกินไป และผลิตน้ำมันมากเกินความจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) สูงขึ้น ซึ่งมีผลให้ต่อมไขมันขยายตัวและผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น น้ำมันส่วนเกินนี้จะไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตัน

 สาเหตุสำคัญของการที่กระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป คือ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในวัยรุ่น ระหว่างการมีรอบเดือน หรืออยู่ในช่วงตั้งครรภ์ อีกสาเหตุหนึ่งคือกรรมพันธุ์ พบว่าคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นสิว ก็มักจะมีแนวโน้มที่ผิวจะผลิตน้ำมันมากเกินไป นอกจากนี้ การใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ก็อาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป ทำให้อุดตันได้ง่าย

การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Accumulation of Dead Skin Cells)

โดยปกติ ผิวจะทำการผลัดเอาเซลล์เก่าออกไปและผลิตเซลล์ใหม่ขึ้นมา ซึ่งกระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 28 วัน แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลัดเซลล์ผิวของร่างกายจะช้าลง ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่หลุดออกไป เกิดการสะสมอยู่บนผิวหน้า ยิ่งถ้าทำความสะอาดผิวไม่ถูกวิธี และละเลยขั้นตอนการผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ ก็จะยิ่งทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เซลล์ผิวที่ตายแล้วเหล่านี้จะสะสมอยู่ที่ผิวหนังและในรูขุมขน เมื่อเซลล์เหล่านี้รวมกับน้ำมันที่ผลิตมากเกินไปจะก่อให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนและทำให้เกิดสิวอุดตันขึ้น 

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน (Comedogenic Products)

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางบางชนิดมีส่วนผสมที่อาจอุดตันรูขุมขนได้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือสารเคมีที่หนักเกินไป เช่น Mineral Oil , Lanolin หรือ Silicone หากใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นประจำจะส่งผลให้เกิดสิวอุดตันได้ง่าย

การสัมผัสและบีบสิว (Touching and Popping Pimples)

การสัมผัสผิวหน้าบ่อยๆ หรือการบีบสิวเป็นพฤติกรรมที่ทำให้รูขุมขนอุดตันมากขึ้น เนื่องจากการสัมผัสนำสิ่งสกปรกและแบคทีเรียจากมือเข้าสู่ผิว นอกจากนี้การบีบสิวทำให้รูขุมขนเกิดการอักเสบและทิ้งรอยแผลเป็นหรือสิวอุดตันลึกมากขึ้นได้

พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อผิว (Unhealthy Lifestyle Habits)

การใช้ชีวิตประจำวันมีผลอย่างมากต่อการเกิดสิวอุดตัน เช่น:

การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม

อาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง หรืออาหารแปรรูป อาจส่งผลให้ระดับน้ำมันบนผิวหนังเพิ่มขึ้น

การดื่มน้ำไม่เพียงพอ

การดื่มน้ำไม่พอทำให้ผิวแห้ง และต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้นเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่ขาดหายไป

ความเครียด

ความเครียดส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันได้มากขึ้น

การนอนหลับไม่เพียงพอ

การนอนหลับที่ไม่เพียงพออาจทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สิวอุดตันเกิดขึ้นได้ง่าย

มลภาวะและสิ่งแวดล้อม (Environmental Factors)

มลภาวะในอากาศเช่น ฝุ่นละออง ควันรถ และสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศสามารถเกาะอยู่บนผิวหน้าและเข้าไปอุดตันรูขุมขนได้ นอกจากนี้ การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรืออากาศร้อนยังส่งผลให้การผลิตน้ำมันบนผิวหนังเพิ่มขึ้น

วิธีป้องกันสิวอุดตัน

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิวอุดตันขึ้น ควรใส่ใจในการดูแลผิวอย่างถูกต้อง เช่น:

• ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน (Non-Comedogenic)
• ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าและการบีบสิว
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการผลิตน้ำมัน

การรักษาสิวอุดตัน

• ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
• การล้างหน้าอย่างถูกวิธีและหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนักๆ ที่อาจอุดตันรูขุมขน

2. สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)

สิวอักเสบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและการอักเสบของผิวหนัง ลักษณะของสิวอักเสบจะเป็นตุ่มแดงและมักมีอาการเจ็บ สิวอักเสบแบ่งเป็น 3 ประเภท 

สิวตุ่มนูน (Papules)                                                                                                                                                     

เป็นสิวที่ไม่มีหัวชัดเจน แต่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก และเจ็บเมื่อสัมผัส

สิวหัวหนอง (Pustules)

มีลักษณะเป็นตุ่มแดงที่มีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ตรงกลาง มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและการอักเสบของรูขุมขน

สิวหัวใหญ่ (Nodules)

สิวประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่และแข็ง มักฝังลึกใต้ผิวหนัง และเจ็บมาก สิวหัวใหญ่เป็นสิวที่รักษาได้ยากและอาจทิ้งรอยแผลเป็น

สาเหตุของสิวอักเสบ

สิวอักเสบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ที่เจริญเติบโตในรูขุมขนที่อุดตันจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นและช่วงก่อนมีประจำเดือน

การรักษาสิวอักเสบ

• ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทาหรือชนิดรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย
• ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ
• การรักษาด้วยเลเซอร์หรือน้ำแข็งเย็นเพื่อลดอาการอักเสบและรอยแดง

3. สิวซีสต์ (Cystic Acne)

สิวซีสต์เป็นสิวอักเสบรุนแรงที่มีขนาดใหญ่และฝังลึกใต้ผิวหนัง ลักษณะของสิวซีสต์จะเป็นตุ่มหนองขนาดใหญ่ ซึ่งมักทิ้งรอยแผลเป็นลึก และต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันการลุกลาม

สาเหตุของสิวซีสต์

• การติดเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขนที่อุดตันอย่างรุนแรง
• การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นหรือวัยที่มีปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุล

การรักษาสิวซีสต์

• การใช้ยาเรตินอยด์ (Retinoids) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน
• ยาสเตียรอยด์ชนิดฉีดเพื่อช่วยลดอาการบวมและอักเสบอย่างเร่งด่วน
• การรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อลดการผลิตน้ำมันและฆ่าเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน

4. สิวผด (Miliaria or Heat Rash)

สิวผดเป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ ซึ่งมักเกิดขึ้นในสภาพอากาศร้อนชื้น สิวผดมักมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีแดงหรือขาว และมักเกิดขึ้นบนหน้าผากหรือบริเวณที่มีเหงื่อมาก

สาเหตุของสิวผด

• การสะสมของเหงื่อและความชื้นในรูขุมขน
• การระคายเคืองจากอากาศร้อนหรือการสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศไม่ดี

การรักษาสิวผด

• หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหนังบริเวณที่มีสิวผด
• การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเจลว่านหางจระเข้หรือครีมที่มีความเย็นเพื่อลดการระคายเคือง
• ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและไม่มีสารเคมีรุนแรง

5. สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ (Acne Mechanica)

สิวที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม สิวประเภทนี้มักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจากส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่เป็นประจำ

สาเหตุของสิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์

• การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันสูง
• การใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือเครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน

การรักษาสิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์

• หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
• เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันหรือมีเครื่องหมาย Non-Comedogenic

ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการเกิดสิว

สภาพอากาศ

ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันในผิวหนังได้มากขึ้น ทำให้เกิดสิวได้ง่ายกว่าประเทศที่มีอากาศแห้ง

การใช้หน้ากากอนามัย

การสวมหน้ากากเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการสะสมของความชื้นและแบคทีเรีย ทำให้เกิดสิวได้ง่าย

การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ 

การอดนอน หรือการพักผ่อนน้อย ทำให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ไม่เต็มที่และทำให้เกิดสิว

รักษาสิวด้วยวิธีไหนได้บ้าง

การรักษาสิวมีทั้งแบบใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและวิธีทางการแพทย์ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ หรือจะผสมทั้ง 2 วิธีก็ได้ 

วิธีการรักษาสิวแบบธรรมชาติ

เป็นการนำสารสกัดจากธรรมชาติ หรือ สมุนไพร ที่มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรือช่วยผลัดเซลล์ผิว มาใช้ในการรักษาสิว เช่น

• น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil): ช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
• น้ำมันมะพร้าว: มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยบำรุงผิว
• เจลว่านหางจระเข้: ช่วยลดการอักเสบและรักษารอยแผลเป็นจากสิว
• น้ำผึ้ง: มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
• น้ำมะนาว: มีกรดซิตริกช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยสิว

การรักษาสิวทางการแพทย์

เป็นการรักษาสิวโดยใช้ยา และการเลเซอร์มาช่วยในการรักษาสิว ตัวยาเหล่านั้นจะช่วยฆ่าเชื้อ และสามารถลดการอุดตันของรูขุมขน อันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวได้ 

ยาทาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)

ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดความมันบนผิว

กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)

ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอุดตันของรูขุมขน

ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)

ใช้เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ

เรตินอยด์ (Retinoids)

ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน

เลเซอร์รักษาสิว

ช่วยลดการผลิตน้ำมันและฆ่าเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน

วิธีป้องกันการเกิดสิว

• ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยคลีนเซอร์ที่เหมาะสมกับผิว
• หลีกเลี่ยงการจับหน้าบ่อยๆ เพื่อป้องกันแบคทีเรีย
• เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน (Oil-Free) หรือที่มีสัญลักษณ์ Non-Comedogenic
• ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง
• ดื่มน้ำอย่างเพียงพอเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและขับของเสียออกจากร่างกาย

การดูแลผิวหลังการรักษาสิว

• หลีกเลี่ยงการขัดผิวที่รุนแรงเพื่อป้องกันการระคายเคือง
• ใช้ครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นและอ่อนโยน
• หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง และควรทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
• หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนักๆ โดยเลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับผิวเป็นสิวง่าย

สรุปและข้อแนะนำในการดูแลสิว

การรักษาสิวจำเป็นต้องใช้ความอดทนและการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับประเภทและสาเหตุของสิวเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดปัญหาสิวในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีธรรมชาติ การใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว หรือการรักษาทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหากมีปัญหาสิวรุนแรง

พิเศษ โปรโมชั่นรักษาสิว ที่ ลา กราซ คลินิก โปรแกรม ACNE CLEAR (Acne Mask + กดสิว + ฉีดสิว + เลเซอร์ฆ่าเชื้อสิว) เพียง  3,999 บาท

สนใจโปรโมชั่น Add Line :@lagraceclinic ได้เลยค่ะ