Morpheus 8 ดีไหม วิธีใหม่ในการแก้ปัญหาหลุมสิว และริ้วรอย
บทนำ
พักหลัง ๆ นี้ เวลาเลื่อนฟีดในโซเชียล หลายคนอาจเคยเจอคำว่า Morpheus 8 ผ่านตามาบ้าง ไม่ว่าจะจากรีวิวดารา เซเลบ หรืออินฟลูเอนเซอร์ ที่ออกมาพูดถึงผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ จนเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า “Morpheus 8 ดีไหม?” คุ้มกับการลงทุนหรือเปล่า เจ็บหรือไม่ และผลลัพธ์จริงเป็นยังไง
จริง ๆ แล้ว Morpheus 8 เป็นเทคโนโลยี ที่ถูกพูดถึงมากในช่วง 2–3 ปีหลัง เพราะสามารถช่วยทั้ง รักษาหลุมสิว ริ้วรอย และยกกระชับผิว ได้พร้อมกันในคราวเดียว ต่างจากการรักษาแบบเดิม ที่มักจะแก้ได้ทีละปัญหา ทำให้หลายคนสนใจอยากลอง แต่ก็ยังลังเล ว่าจะใช่ทางเลือกที่เหมาะกับตัวเองหรือไม่
บทความนี้เลยอยากชวนทุกคนมาฟังว่า Morpheus 8 คืออะไร ดีจริงไหม เจ็บแค่ไหน ราคาเป็นยังไง มีข้อดีข้อจำกัดอะไรบ้าง รวมถึงเหมาะกับใครบ้าง เผื่อจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ 💕
Morpheus 8 คืออะไร ทำงานยังไง
Morpheus 8 คืออะไร? Morpheus 8 คือการผสมผสานระหว่าง Microneedling (การใช้เข็มเล็ก ๆ เจาะผิว) และ Radiofrequency (คลื่นพลังงานความร้อน) เทคโนโลยีนี้เป็นการผสมผสาน Radiofrequency Microneedling ที่มีการศึกษาทางการแพทย์มารองรับแล้วว่า สามารถกระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูสภาพผิวได้จริง โดยเฉพาะกับปัญหาหลุมสิว (Evaluation of Microneedling Fractional Radiofrequency Device for Acne Scars, Chandrashekar et al.)
เวลาเครื่องทำงาน เข็มเล็ก ๆ จะส่งพลังงานความร้อนไปถึง ชั้นไขมันใต้ผิว (Subdermal layer) ความร้อนนี้ จะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวฟื้นฟูจากภายใน หลุมสิวที่เคยเป็นร่องลึกค่อย ๆ ตื้นขึ้น ผิวหน้าแน่น และยืดหยุ่นมากขึ้น
จุดเด่นคือ ลงลึกได้มากกว่าเลเซอร์ทั่วไป แต่ยังควบคุมพลังงานได้ละเอียด ลดความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวไหม้ หรือเกิดรอยด่างดำหลังทำ เหมาะทั้งกับการรักษาหลุมสิว ริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อย โดยข้อมูลจาก InMode Medical ผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ ยืนยันว่าปลอดภัย และสามารถใช้ได้กับทุกโทนสีผิว
Morpheus 8 ดีไหม – มุมข้อดีที่หลายคนชอบ
ผลลัพธ์ที่เห็นจริง
หลายคนบอกว่า หลังทำครั้งแรก ผิวดูแน่นขึ้น ร่องแก้ม และหลุมสิวตื้นขึ้นเล็กน้อย และถ้าทำต่อเนื่องประมาณ 2–3 ครั้ง ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
แก้ได้หลายปัญหาในครั้งเดียว
ไม่ใช่แค่หลุมสิว แต่ยังช่วยเรื่องรูขุมขนกว้าง ริ้วรอยเล็ก ๆ รอบตา และผิวหย่อนคล้อยเบื้องต้น ใครที่อยากทำทีเดียวแล้วได้ประโยชน์หลายด้าน Morpheus 8 จัดว่าตอบโจทย์
Downtime ไม่นาน
หลังทำผิวอาจมีรอยแดงบวมเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่หายภายใน 1–3 วัน สามารถแต่งหน้าเบา ๆ ได้ในวันถัดไป ไม่กระทบการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก ต่างจากเลเซอร์บางชนิดที่ต้องพักฟื้นนาน
ใช้ได้กับหลายโทนสีผิว
เลเซอร์บางชนิดอาจเสี่ยงกับคนผิวคล้ำ แต่ Morpheus 8 มีความปลอดภัยมากกว่า และมี งานวิจัย RF Microneedling ที่แสดงว่าช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และปรับสภาพผิวได้จริง
Morpheus 8 มีข้อจำกัดอะไรบ้าง
ความรู้สึกเจ็บ
ถึงจะใช้ยาชาช่วย แต่ตอนเข็มลงผิวก็ยังมีความรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ โดยเฉพาะถ้าทำพลังงานสูง เพื่อผลลัพธ์ที่ลึกขึ้น คนที่กังวลเรื่องความเจ็บ ควรปรึกษาหมอให้เลือก setting ที่เหมาะกับตัวเอง
ราคาค่อนข้างสูง
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของ Morpheus 8 อยู่ที่ประมาณ 30,000–90,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พื้นที่ที่ทำ (ทั่วหน้า vs. เฉพาะจุด), จำนวนช็อตที่ใช้, เครื่องแท้ที่ได้มาตรฐาน, ประสบการณ์ของแพทย์ รวมถึงบริการเสริมหลังทำ
คลินิกบางแห่ง อาจมีโปรโมชั่นเริ่มต้นเพียง 20,000–30,000 บาท หากทำเฉพาะจุด หรือซื้อเป็นแพ็กเกจหลายครั้ง แต่ในโรงพยาบาล หรือคลินิกพรีเมียม ที่ทำทั่วหน้า+คอ ราคามักสูงกว่านี้ (50,000–90,000 บาท) ถือว่าเป็นเกณฑ์ราคาที่สมเหตุสมผลตามคุณภาพ และมาตรฐานการรักษาที่ได้รับ
ต้องทำซ้ำ
ไม่ใช่ว่าทำครั้งเดียวแล้วจบ ส่วนใหญ่หมอจะประเมินให้ทำ 2–3 ครั้งห่างกันเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนให้เต็มที่
ประสบการณ์จริง จากคนที่ลองทำ Morpheus 8
เสียงรีวิวส่วนใหญ่บอกคล้าย ๆ กันว่า หลังทำครั้งแรก จะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดมาก แต่รู้สึกผิวแน่น และเรียบขึ้นเล็กน้อย พอผ่านไป 2–3 สัปดาห์คอลลาเจนที่สร้างใหม่เริ่มทำงาน หลุมสิว และริ้วรอยก็เห็นผลชัดขึ้น
บางเคสบอกว่าหน้าเรียวขึ้นเล็กน้อย เหมือนผิวถูกยกขึ้นด้วย เหมือนโบนัสที่ได้เพิ่มจากการรักษาหลุมสิว
Morpheus 8 เหมาะกับใครบ้าง
- คนที่มีหลุมสิวลึก และลองวิธีอื่นมาแล้วไม่ค่อยได้ผล
- คนที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ รอบตา มุมปาก หรือผิวเริ่มหย่อนคล้อย
- คนที่อยากแก้หลายปัญหาในครั้งเดียว เช่น ทั้งหลุมสิว + รูขุมขน + ยกกระชับ
- คนที่ไม่สะดวกพักฟื้นนาน แต่อยากเห็นผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
สำหรับคนที่สนใจเรื่องริ้วรอย และความหย่อนคล้อย อาจอ่านเพิ่มเติมที่ Ulthera คืออะไร เพื่อเปรียบเทียบกับ Morpheus 8 ได้ค่ะ

Morpheus 8 vs การรักษาแบบอื่น
เทียบกับเลเซอร์ Fraxel
- Fraxel เน้นการผลัดเซลล์ผิวตื้น ๆ → ดีสำหรับรอยสิวตื้น แต่ไม่ลงลึกเท่า Morpheus 8
- Morpheus 8 ลงถึงชั้นไขมันใต้ผิว → เหมาะกับหลุมสิวลึก + ริ้วรอย
เทียบกับ Subcision
- Subcision ปล่อยพังผืดที่ดึงหลุมสิว → ดีสำหรับ rolling scar
- Morpheus 8 ไม่ได้ปล่อยพังผืดโดยตรง แต่กระตุ้นผิวใหม่ให้เรียบ → เหมาะกับคนที่มีหลุมหลายแบบรวมกัน
เทียบกับ Filler
- Filler เห็นผลทันทีแต่ชั่วคราว (6–12 เดือน)
- Morpheus 8 ค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ผลอยู่ได้นานกว่า และแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
FAQ: Morpheus 8 ดีไหม
A: ระหว่างทำจะรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ บ้าง แต่แพทย์มักใช้ยาชาช่วย ทำให้ความเจ็บลดลงมาก ระดับความรู้สึกเจ็บขึ้นอยู่กับพลังงานที่ใช้ และสภาพผิวของแต่ละคน
A: ส่วนใหญ่มีรอยแดงบวมเล็กน้อยประมาณ 1–3 วัน หลังจากนั้นผิวค่อย ๆ ดีขึ้น สามารถแต่งหน้าเบา ๆ และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
A: หลังทำครั้งแรกจะเริ่มรู้สึกว่าผิวแน่นขึ้น แต่ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเมื่อทำประมาณ 2–3 ครั้ง ห่างกันเดือนละ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน
A: เหมาะกับคนที่มีหลุมสิวลึก ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย หรือรูขุมขนกว้าง และต้องการวิธีที่แก้หลายปัญหาในคราวเดียว แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
สรุป – Morpheus 8 ดีไหม?
คำตอบก็คือ… “ดี” สำหรับคนที่อยากแก้ปัญหาหลุมสิวลึก ริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อยในคราวเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Morpheus 8 ไม่ใช่วิธีที่เหมาะกับทุกคน
- ถ้าปัญหาผิวยังไม่มาก อาจเลือกเลเซอร์ที่เบากว่าได้
- ถ้าอยากเห็นผลทันที อาจใช้ Filler เติมบางจุดร่วมด้วย
- แต่ถ้าอยากได้ผลที่ยั่งยืน และดูเป็นธรรมชาติ Morpheus 8 ถือว่าคุ้มค่า
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญคือการ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้ช่วยประเมินสภาพผิว และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเรา เพราะผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และงบประมาณที่สะดวกใจก็ต่างกันด้วยค่ะ